สาวร้อง พ่อตาย “ประกันจ่าย 5.5 ล้าน” แฉ “ตัวแทนอมเงิน” แถมพูดมาได้ “นี่เงินพี่”

สาวร้อง พ่อเสียชีวิต ทำเงินประกันไว้ให้ 5.5 ล้าน กลับถูกตัวแทนประกันสาวแสบ โปรไฟล์ดี หลอกเปิดบัญชีร่วม ก่อนจะอมเงินไป 1.5 ล้าน พร้อมท้าไปแจ้งความ !

 

 

            วันที่ 8 เม.ย. 2567 ฐิติรัตน์ อัมพะวะผะลิน (น้อง) อดีตภรรยาของผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง"  ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า หลังจากสามีได้เสียชีวิตไป เขาได้ทำประกันเอาไว้ให้ลูกทั้ง 2 คน เป็นจำนวน 5.5 ล้านบาท แต่ได้ถูกสาวตัวแทนประกัน หลอกให้เปิดบัญชีร่วมกันในจำนวน 1.5 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่สามารถใช้เงินดังกล่าวได้อีก เพราะตัวแทนเอาไป และอ้างว่าเป็นเงินของเขา พร้อมท้าให้ไปแจ้งความออกสื่อได้เลย  

 

            คุณน้อง เล่าต่อว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2565 อดีตสามีของตนเสียชีวิต ซึ่งเขาได้ทำประกันเอาไว้ ลงชื่อผู้รับผลประโยชน์คือ ลูกทั้ง 2 คน เป็นจำนวนเงิน 5.5 ล้านบาท แบ่งคนละครึ่งกันลูก 2 คน  ซึ่งตนเพิ่งมาทราบว่าอดีตสามีทำประกันเอาไว้เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2566 เนื่องจาก น.ส.แพท ติดต่อมาหาตน แสดงตัวเองว่าเป็นตัวแทนประกันที่ดูแลอดีตสามีของตนอยู่ และเสนอตัวเองจะเป็นคนดูแลเอกสารการเบิกประกันให้ 

 

            ในระหว่างรอเอกสารประกันอยู่นั้น น.ส.แพท เข้ามาดูแลครอบครัวตนอย่างดี มีการซื้อขนมมาฝาก หรือแม้กระทั่งให้เงินหลานด้วย ต่อมาวันที่ 30 ม.ค. 2567 น.ส.แพท บอกกับตนว่าเอกสารเบิกประกันอนุมัติ ผ่านแล้ว และได้นัดตนจะนำเช็คเงินสดไปขึ้นเงินวันที่ 17 ก.พ. 2567 เขาจึงพาตนไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ในห้างไอคอนสยาม จากนั้นตัวแทนแนะนำให้ตนเปิดบัญชีใหม่ ทั้งของลูกชาย ลูกสาว และของตน อีกทั้งมาขอให้เปิดบัญชีในชื่อตนร่วมกับชื่อของเขา

 

 

            ซึ่งในบัญชีของลูกชายเงินเข้าปกติ 2.7 ล้านบาท ทว่าบัญชีของลูกสาว น.ส.แพท เขากลับโยกเงินออกมาทั้งหมดเอาเข้าบัญชีตน 1.2 ล้านบาท ส่วนอีก 1.5 ล้านบาท เขากลับเอาเข้าบัญชีที่เปิดร่วมกันกับเขา โดยอ้างว่าเขาจะช่วยดูแลเงินส่วนนี้ จะเอาเงินส่วนนี้ไปทำประกันให้ครอบครัวของเรา ซึ่งมันต้องเคลมประกันและหมุนเงินอยู่เรื่อย ๆ ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ตนก็ได้ให้เขาไปเป็นคนดูแล

 

 

            ต่อมาวันที่ 27 ก.พ. 2567 ตนได้ติดต่อไปหา น.ส.แพท เพื่อขอเอาเงินจากในบัญชีร่วมออกมาใช้จ่ายต่อเติมบ้านจำนวน 7 แสนบาท เขาก็บ่าเเบี่ยงเรื่อยมา กระทั่งมานัดตนวันที่ 14 มี.ค. 2567 เพื่อถอนเงินให้ ทว่าเขากลับบอกพนักงานให้ถอนเงินให้เขา 1 ล้านบาท แต่ให้เอาเข้าบัญชีตัวเขาเอง อ้างว่า เขายื่นสมุดบัญชีให้เขาไปแล้ว และเสร็จตรงนี้ เขาจะโอนเงินให้เรา ซึ่งตนก็เชื่อใจเขา เพราะเขาดูดีมาก ไม่คิดว่าเขาจะโกงอะไร 

 

            ไม่พอแค่นั้นเขายังมาเสนอกับตนอีกว่าเงิน 5 แสนในบัญชี ให้ทำประกันกับตน ปีละ 2.5 แสนบาท จ่าย 2 ปี ซึ่งตนก็คิดว่าอย่างน้อยเงิน 5 แสนก็ได้ทำประกัน เลยให้เขาไปจัดการ เขาจึงได้เอาเงิน 5 แสนบาทในบัญชีที่เหลือออกมาทั้งหมดโอนเข้าบัญชีเขาดังเดิม  และปิดบัญชีดังกล่าวลงวันนั้นเลย ทว่าวันต่อมาเขากลับเงียบ ไม่โอนเงินมาให้ ตนจึงโทรไปหาซึ่งติดต่อยากมาก ผิดไปจากปกติ และพอเขารับสายก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องเงินที่เขาถอนออกไป อ้างว่าได้ตกลงกันแล้ว และเงิน 1.5 ล้านบาทดังกล่าว เป็นของเขา  

 

 

            ฟาก เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า พอตนได้ทราบเรื่องราวของเคสนี้ ตนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวแทนรายดังกล่าวจะกล้าทำแบบนี้ เพราะเขาเป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิตใหญ่โต มีชื่อเสียง อีกทั้งโปรไฟล์ของ น.ส.แพท นั้นก็ค่อนข้างดี กินหรู อยู่สบาย มีรถหรูใช้ ซึ่งถ้าตนมองจากหลักฐานแล้ว ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นการยักยอกเงิน อย่างไรก็ตาม ตนได้ประสานไปยัง ผกก.สน.ทองหล่อ แล้ว ท่าน ผกก. บอกแล้วว่าจะรวบรวมหลักฐานและจัดการให้ ตนอยากบอกตัวแทนคนนี้ว่า คุณเตรียมรับหมายศาลได้เลย 

 

 

            ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า คดีนี้เข้าข่ายฉ้อโกงทรัพย์ ตนแนะนำให้ไปแจ้งที่ คปภ. ซึ่งเขาเป็นคนดูแลตัวแทนประกันทั่วประเทศไทย  เราต้องแจ้งให้เขาได้ทราบพฤติกรรม เพื่อให้ถอนใบอนุญาตตัวแทนประกัน จะทำให้เขาไม่สามารถไปทำกับคนอื่นได้อีก  ทำควบคู่ไปกับการดำเนินคดีฐานความผิดฉ้อโกงเลย 

 

            ทั้งนี้ทีมงานถกไม่เถียงได้รับข้อมูลมาว่า น.ส.แพท คนนี้ มีระดับการเป็นตัวแทนประกันอยู่ที่ระดับ COT ซึ่งเป็นระดับคุณวุฒิที่จะต้องมีเบี้ยประกันภัยปีแรก จากลูกค้า 5.8 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตัว น.ส.แพท ค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือในวงการประกัน