logo ถกไม่เถียง

สุดพีก ! แม่คาใจ “ลูกรถล้มโคม่า” คดีพลิก พยานฟื้นมาบอก “ถูกจัดฉากฆ่า” ผ้าดำคลุมหัว !

ถกไม่เถียง : พ่อแม่ คาใจ ร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกสาวรถล้มอาการโคม่า แต่พอพยานฟื้น คดีพลิก เพราะแท้จริงถูกชาย 2 คนขี่ จยย. ตาม ก่อนเอาผ้าคลุมหัว ถกไม่เถียง,ทิน โชคกมลกิจ,จัดฉากฆ่า,จัดฉาก,อุบัติเหตุ,คลุมหัว,พยาน,คดีรถล้ม,รถล้ม,นครนายก,พีก,สุดพีก,คดีพลิก,กลับตาลปัตร,สาว,ผ้าคลุมหัว,ถุงคลุมหัว,ปิดปาก,ปิดตา,ภาพตัด,สลบ,ลูกรถล้มโคม่า,ผ้าดำคลุมหัว,สายไหมต้องรอด,อุกอาจ,รัศมิ์ชาภัค แตงพุก,เอิร์น พี่สาวของน้องบี,น้องเอ,น้องบี,พี่สาว,ฐิติกร อุมา

1,203 ครั้ง
|
18 มี.ค. 2567
พ่อแม่ คาใจ ร้องขอความเป็นธรรม หลังลูกสาวรถล้มอาการโคม่า แต่พอพยานฟื้น คดีพลิก เพราะแท้จริงถูกชาย 2 คนขี่ จยย. ตาม ก่อนเอาผ้าคลุมหัว และภาพตัดไปในที่สุด 
 
ถกไม่เถียง : สุดพีก ! แม่คาใจ “ลูกรถล้มโคม่า” คด
 
            วันที่ 18 มี.ค. 2567 ฐิติกร อุมา (ตุ้ย) พ่อของน้องเอ คนที่ซ้อน จยย. ออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคมกมลกิจ เล่าว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2567 ลูกสาวของตน น้องเอ (นามสมมติ) ได้ขี่รถจักรยานยนต์กับเพื่อน น้องบี (นามสมมติ) แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งลูกสาวของตนอาการสาหัส ทว่า พอเพื่อนของลูกสาวฟื้นขึ้นมาได้บอกยืนยันวาเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ถูก คนร้ายนำผ้ามาคลุมศีรษะ แล้วเธอก็หมดสติไปทันที มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว 
 
            ตนมาทราบเรื่องในตอนเวลา 03.00 น. ของวันที่ 2 มี.ค. 2567 ว่าลูกสาวของตน น้องเอ (นามสมมติ)เกิดอุบัติเหตุรถล้มกับเพื่อน น้องบี (นามสมมติ) ซึ่งเมื่อตนได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุ สภาพจุดเกิดเหตุตนก็เข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ แต่ก็มีเอะใจอยู่บ้างว่าอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะความที่ตนเคยเป็นกู้ภัย บวกกับกู้ภัยก็บอกกับตนเหมือนกันว่าอาจจะไม่ใช่ แต่เบื้องต้นตำรวจลงไว้ว่าเป็นอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อาการของลูกสาวยังโคม่าอยู่ หมอบอกว่าโอกาสรอด 50/50 น้องอยู่รอดได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ และยากระตุ้นความดัน
 
            น้องบี (นามสมมติ) คนที่ขับ จยย. เล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนกำลังไปส่งพี่สาวที่โรงพยาบาล โดยขี่จักรยานยนต์มี เอ (นามสมมติ) นั่งซ้อนท้าย ยืนยันว่าตนไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ แต่ถูกชาย 2 คน ขี่จักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น Wave สีดำ ตามหลังมา แล้วเปิดไฟสูงใส่จากนั้นบีบแตรเรียกให้ตนจอด พอตนจอดเขาก็บอกว่า "น้องจะไปไหน เดี๋ยวพี่ไปด้วย" ตนบอกว่าตนจะไปส่งพี่ที่โรงพยาบาล พวกเขาก็ขำพร้อมกับเอาผ้ามาคลุมศีรษะตน พร้อมกับจับมือตนไว้ ตนพยายามจะสะบัดตัวออก ส่วนเอ เพื่อนที่ซ้อนท้ายมาด้วยกัน ตนก็ได้ยินเพื่อนบอกว่า มึงเป็นใครมาจากไหน  แต่ไม่นานภาพก็ตัดไป มารู้ตัวอีกทีที่โรงพยาบาลแล้ว ทว่าตอนที่ถูกถุงคลุมศีรษะตนได้กลิ่นคล้ายกัญชา 
 
            สำหรับ รูปพรรณสัณฐาน ชายปริศนา 2 คน คนขับ ใส่ผ้าคลุมหัวสีดำเปิดแค่ตา มีผมหยิก รูปร่างจะอวบ ๆ และมีรอยสักที่น่องขาข้างซ้าย มีรูปลักษณะคล้าย “เขี้ยว” ส่วนคนซ้อน ไว้ผมยาวรากไทรประบ่า ปัดเป๋ ใส่เหล็กดัดฟัน รูปร่างผอม ใส่เสื้อยืดคอกลม ทรงช่าง
 
ถกไม่เถียง : สุดพีก ! แม่คาใจ “ลูกรถล้มโคม่า” คด
 
            ฟาก เอิร์น พี่สาวของน้องบี (พยาน) เล่าต่อว่า ก่อนที่น้องเอ และน้องบีจะเจอเหตุการณ์ตามข่าว ตนและน้องเอ ได้ขี่รถไปร้านสะดวกซื้อ แต่ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นแถวนั้นกวักมือเรียก ด้วยความกลัวน้องเอได้มาขอขี่รถเพื่อหนีออกจากตรงนั้น แต่ขี่ไปได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์รถล้มขึ้น ทำให้ตนเจ็บหน้าอก และน้องเอมีแผลที่หัวเข่า จึงเป็นจุดเริ่มต้นก่อนจะเกิดเหตุการณ์
 
            ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนได้โทรหาน้องสาวอยู่เรื่อย ๆ จนกู้ภัยมารับสายถึงได้รู้ว่าน้องสาวประสบอุบัติเหตุ ทว่าก่อนหน้านั้นตนได้ให้รุ่นน้องคนหนึ่งทักแชตหาน้องสาวของตัวเอง เพื่อถามว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งกลับมีคนตอบแชตกลับมา "รถมันชน นี่เจอมันข้างทาง" แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพิมพ์ตอบกลับมา ซึ่งโทรศัพท์เครื่องนี้น้องก็ล็อกติดรหัสไว้ด้วย
 
ถกไม่เถียง : สุดพีก ! แม่คาใจ “ลูกรถล้มโคม่า” คด
 
            ด้าน พิษณุกร เจ๊ะหมัด (บังลี) กู้ภัย เผยว่า  ตอนที่ตนไปถึงที่เกิดเหตุ ก็เห็นน้องผู้ประสบเหตุทั้ง 2 คน นอนสลบอยู่ในพงหญ้า ส่วนจักรยานยนต์ก็อยู่ในบ่อห่างจากตัวน้องประมาณ 10 เมตร ตนก็รีบเข้าไปช่วย น้องเอ นอนหมดสติ ส่วนน้องบี ยังพอมีสติแต่พูดจาไม่รู้เรื่องเลย เหมือนเมา ตอนแรกตนคิดว่าน้องเมาแอลกอฮอล์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้มีกลิ่นแอลกอฮอล์เลย ตนสันนิษฐานว่าอาจจะโดนยาอะไรสักอย่าง เพราะ เขาไม่โอดครวญด้วยความเจ็บ แต่อันนี้น้องเบลอ ๆ ไม่ได้คุยกับตนสักคำ
 
            ขณะเดียวกัน ตนคิดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันแปลก เนื่องจาก การที่รถคว่ำนั้นมันต้องมีรอยรถไถ รอยขูดมาก่อนจะไปลงบ่อ และมีเสาเหล็กอยู่ในบริเวณนั้นซึ่งมีรอยชนและดินกระจาย ตอนแรกตนคิดว่าน้องชนเสาอันนี้และไปลงบ่อ แต่ทว่ามันก็ไม่มีรอยรถคว่ำเลย นอกจากนั้นการที่รถอยู่ในบ่อ ตนเชื่อว่าจะต้องมีผู้เสียหายสักคนหนึ่งตกไปอยู่ในบ่อ แต่อันนี้น้องทั้งคู่นอนเจ็บอยู่ข้างบนบ่อ มีแต่รถที่ร่วงลงไปอยู่ในบ่อ 
 
ถกไม่เถียง : สุดพีก ! แม่คาใจ “ลูกรถล้มโคม่า” คด
 
            เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ไป ก็เอะใจหลายอย่าง เสาที่ดูเหมือนถูกรถชน ห่างจากจุดที่รถล้มเกือบ 20 เมตร แถมรอยหลุมเสายังเหมือนถูกขุดขึ้นมา มากกว่าการโดนรถชน  ขณะเดียวกันจุดที่น้องนอนล้มอยู่ กับจุดที่มอเตอร์ไซค์ตกบ่อ ยังห่างกันกว่า 10 เมตร ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นการที่น้องจะกระเด็นไปไกลขนาดนั้นแสดงว่าต้องมาด้วยความเร็วมาก แต่มอเตอร์ไซค์ที่ตกในบ่อไม่มีแม้แต่โคลนกกระเด็นขึ้นมาด้วยซ้ำ มันดูคล้ายว่ามอเตอร์ไซค์ถูกเข็นลงไปในบ่อ และที่สำคัญกู้ภัยบอกกับตนว่าถ้าเป็นอุบัติเหตุกุญแจจะต้องเปิดเครื่องไว้ แต่อันนี้กุญแจถูกบิดปิดไว้ นอกจากนั้นในละแวกจุดเกิดเหตุตนยังเจอกล่องถุงยางอนามัยที่ยังใหม่เปิดทิ้งไว้อยู่
 
            ทั้งนี้ ตนได้ประสานไปยัง ผกก.สภ.องครักษ์ แล้ว จึงได้รู้ว่าน้องบีที่ออกจากโรงพยาบาลมาหลายสิบวันแล้ว ตำรวจยังไม่เรียกมาสอบสวนเลย ทั้งที่มีข้อมูลที่น่าสนใจ ควรเรียกมาสอบให้สิ้นสงสัย และพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลย 
 
ถกไม่เถียง : สุดพีก ! แม่คาใจ “ลูกรถล้มโคม่า” คด
 
            ฟาก รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว ชี้ว่า มันมีสารบางตัวที่ทำให้เกิดการสลบได้จริง ๆ มักจะเกิดในลักษณะที่หยดไว้บนผ้า แล้วนำไปปิดปากปิดจมูก ซึ่งสารพวกนี้ในปัจจุบันหาได้ง่ายทางออนไลน์ มียาผิดกฎหมายจำหน่ายในออนไลน์ค่อนข้างเยอะ ทว่าต่อให้ไม่ใช้สาร แค่ปิดปากปิดจมูกทำให้ขาดอากาศหายใจ ก็มีโอกาสสลบได้อยู่แล้ว
 
            ขณะที่อาการบาดเจ็บของน้องเอ ที่มีอาการสมองบวม และเลือดออกในสมองเป็นจุดเล็ก ๆ หลายจุด ถ้าเป็นอาการนี้การที่หมอยังไม่ผ่าตัดอาจจะเป็นผลดีมากกว่า อาจส่งผลถึงชีวิตได้ เพราะเวลามีเลือดออกที่สมอง สมองจะมีการปรับตัวจนสมองบวม ซึ่งถ้าบวมมากมันจะไปกดก้านสมอง ทำให้เกิดการหยุดหายใจ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการให้ยาลดสมองบวมจนอาการดีขึ้น ส่วนเลือดจุดเล็ก ๆ พวกนี้ในอนาคตมันอาจจะหายไปได้ไม่จำเป็นต้องผ่าก็ได้ 
 
            อย่างไรก็ตาม อาการเลือดออกในสมองของน้องต้องเกิดจากแรงกระทำภายนอก มากระแทกที่ศีรษะ ซึ่งอาจจะเกิดจากการล้ม หรือแรงเหวี่ยงเข้าไปเกี่ยวข้องได้ และไม่จำเป็นที่จะต้องมีรอยศีรษะแตก แค่มีแรงกระแทกที่ศีรษะ และใบหน้าก็เกิดอาการนี้ได้ นอกจากนี้
 
            จิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เคสนี้ถ้าน้องเอถูกทำร้าย จนทำให้อาการโคม่าอยู่ตอนนี้ จะเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนฯ จะช่วยในค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ และค่าขาดประโยชน์ โดยต้องให้ตำรวจสืบสวนว่าใครเป็นคนก่อเหตุ แต่ถ้าสืบมาแล้วมันเป็นลักษณะของอุบัติเหตุจริง ๆ มันจะเข้าข่าย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ 
 
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. และทุกวันเสาร์ - วันอาทิตย์ พบกับ รายการ “ถกไม่เถียง Weekend” เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 


ชมผ่าน YouTube https://youtu.be/8QoN6-S4yCA?feature=shared