เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งร้องสื่อ ถูกชายชาวต่างชาติเตะหลัง ขณะนั่งที่บันไดชมพระจันทร์ในคืนวันมาฆบูชา แถมถูกเมียชาวต่างชาติที่เป็นคนไทยด่ากราด ดูถูกเหยียดหยาม ต่อมาชาวต่างชาติรายนี้แถลงผ่านทนาย ระบุว่า ตนเองสะดุดล้มไปโดนคุณหมอ ไม่ได้ตั้งใจ แต่คุณหมอระบุว่า ในช่วงที่ก่อเหตุ ชาวต่างชาติรายนี้อัดคลิปไว้ในมือถือด้วย และเราได้คลิปนี้มา ไปชมกันว่า ตั้งใจเตะ หรือสะดุดล้ม
เปิดคลิปฝรั่งเตะหลังแพทย์หญิง ไม่ได้สะดุดตามที่อ้าง
คลิปนี้ ลักษณะของกล้องมือถือของชาวต่างชาติรายนี้ ไม่ได้ล้มหรือตกจากมือ พร้อมกับตะโกนขับไล่เป็นคำหยาบคาย (Get The Fuck off) ซ้ำ ๆ ไม่ได้ขอโทษขอโพยตามวิสัยปกติของคนที่สะดุดไปโดนคนอื่น แต่ก่อนหน้านี้ ชาวต่างชาติรายนี้และทนายความได้แถลงผ่านทางเพจโหดจัง จังหวัดภูเก็ต ขออนุญาตนำคลิปมาเผยแพร่อีกครั้ง
โดยสรุปคือยืนยันว่า ไม่ได้เตะแพทย์หญิง แค่สะดุดบันไดแล้วเท้าไปโดน ตนเองรู้สึกเสียใจ และอยากขอโทษ โดยระบุตอนนั้นว่ามีคลิปหลักฐานยืนยัน ซึ่งจากคลิปที่เราได้มาจะเป็นแบบไหน ขอให้ท่านผู้ชมตัดสินเอง แต่เป็นหลักฐานสำคัญของตำรวจเรียบร้อยแล้ว
งานเข้าวิลลา! สั่งรื้อบันได 3 ขั้น จุดฝรั่งเตะแพทย์หญิง รุกล้ำหาด
และคลิปเมื่อสักครู่ที่เราเห็นว่า แพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ และเพื่อนหมอด้วยกันนั่งอยู่ในบันไดชั้นล่าง ๆ ก่อนโดนเตะ ล่าสุดมีความคืบหน้า พบว่าบันไดของวิลลาดังกล่าวมีส่วนรุกล้ำพื้นที่ชายหาดสาธารณะ ไปดูแผนที่บริเวณที่เกิดเหตุเพื่อทำความเข้าใจในสภาพแวดล้อมบริเวณดังกล่าว
โดยแพทย์หญิงไปร้านอาหารกับเพื่อน ที่ร้าน Taste Yamu ซึ่งจะอยู่ด้านตะวันตกของแหลม จากนั้นเดินไปชมชายหาด และนั่งเล่นใกล้วิลลาดังกล่าว (Cape Yamu) อยู่ทางด้านตะวันออกของแหลม ถ้าแพทย์หญิงกับเพื่อนเดินไปตามเส้นทางที่ดูใน google map จะเห็นว่าระยะยางประมาณ 180 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาที
เมื่อวานนี้ นายอำเภอถลาง เข้าไปตรวจสอบวิลลาจุดเกิดเหตุ พบว่า บันไดของวิลลาที่ทอดลงชายหาดจะมี 4 ขั้น ถ้าไล่จากขั้นด้านล่างขึ้นไปด้านบน เป็นขั้น 1 / 2 / 3 / 4 ปรากฏว่า ขั้นที่ 4 อยู่ในพื้นที่ของวิลลา แต่ขั้นที่ 1 / 2 และ 3 รุกล้ำพื้นที่ชายหาดสาธารณะ ดังนั้นต้องรื้อออก และวิลลาต้องถูกดำเนินคดี แสดงว่าจุดที่แพทย์หญิงและเพื่อนไปนั่งอยู่บริเวณขั้น 1 ของบันได จึงไม่เป็นการบุกรุก ไปฟังเสียง คุณณชพงศ์ ประนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต
ในขณะที่สิ่งที่ตามมาเป็นผลกระทบลูกโซ่ คือ การตรวจสอบธุรกิจของชาวต่างชาติรายนี้ เพราะในช่วงที่ทะเลาะกับ หมอธารดาว ซึ่งไม่ได้อยู่ในคลิป ได้พูดคำว่า ไม่ได้เช่าวิลลาราคาเป็นล้านเพื่อให้คนอื่นมานั่งหน้าบ้าน นั่นหมายถึงต้องมีรายได้มหาศาลในการใช้จ่ายเพื่อที่อยู่อาศัยระดับนี้ จากข้อมูลพบว่า ชาวต่างชาติรายนี้ซึ่งมีชื่อว่า เดวิด เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่มาอาศัยเมืองไทยนานหลายปี ธุรกิจหลักตอนนี้ คือ เปิดศูนย์อนุรักษ์ช้าง หรือปางช้างแห่งหนึ่ง เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปชม
จากข้อมูลเพจศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center เปิดข้อมูลที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน เช่น ปางช้างแห่งนี้ เป็นเจ้าของช้างจริง ๆ ที่ซื้อมาเพียงแค่ 1 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นการ เช่าช้าง เพื่อมาประกอบธุรกิจ โดยมีการเก็บเงินค่าเข้าสูงถึงหัวละ 2,500-3,000 บาท
ทีมข่าวได้สอบถามไปที่เพจนี้ จึงได้รับข้อมูลที่เพจได้รับการติดต่อจากคนที่อ้างว่าเป็นอดีตเจ้าของช้างที่เคยนำช้างมาทำงานอยู่ในมูลนิธิอนุรักษ์ช้างแห่งนี้ โดยรายละเอียดในแช็ตระบุว่า เคยทำงานที่ปางช้างแห่งนั้น อยากให้ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ช้างที่ซื้อมีแค่ตัวเดียว นอกนั้นเป็นช้างที่จ้างมา จึงอยากให้มีการตรวจสอบ เพราะไม่ได้เป็นการช่วยเหลือช้างแต่อย่างใด ช้างที่เช่ามาเป็นช้างจากสุรินทร์ และ บุรีรัมย์
นอกจากนี้ ในแช็ตยังส่งรูปช้างที่เคยอยู่ในมูลนิธิอนุรักษ์ช้างแห่งนั้นมาให้ดูด้วย และให้นำรูปไปเทียบกับสถานที่ปัจจุบันของมูลนิธิ พร้อมระบุว่า ช้างในรูปเป็นช้างที่บ้านของคนแช็ต ปัจจุบันกลับไปอยู่บุรีรัมย์แล้ว และอยู่ที่โครงการสวนสัตว์ช้างที่หมู่บ้านช้างที่สุรินทร์ อยากให้คนไทยรับรู้ว่า เขารวยด้วยการเอาเปรียบช้าง และคนไทย สิ่งที่เขาทำกับครอบครัวหนูตั้งแต่ปี 2563 มันเกินกว่าคำว่ามนุษย์ค่ะ และมีหลายเชือกที่เค้าทำแบบนี้ ฝากตรวจสอบให้ถึงที่สุดนะคะ
นอกจากนี้ ในเพจศูนย์ข้อมูลภูเก็ต Phuket Info Center ยังนำรายได้ของมูลนิธิศูนย์อนุรักษ์ช้างแห่งหนึ่งมาเผยแพร่ ปีล่าสุด คือ ปี 2566 มีรายได้รวม 46 ล้านบาท มีกำไรเกือบ 8 ล้านบาท
ทางทีมข่าวได้คุยกับแหล่งข่าวคนที่เคยให้เช่าช้างไปอยู่ศูนย์อนุรักษ์ช้างของต่างชาติรายนี้ โดยรู้จักผ่านภรรยาชาวอุตรดิตถ์ที่ทำหน้าที่คอยหาช้างเข้าศูนย์อนุรักษ์ โดยครอบครัวเจ้าของช้างต้องตามไปดูแลช้างในศูนย์ด้วย แต่ต่อมาลูกชาย (ที่เป็นลูกติดของภรรยาคนไทย) ซึ่งเป็นตำรวจได้เข้ามาไล่ครอบครัวนี้ออก เพราะได้ช้างเชือกใหม่เข้ามา โดยแหล่งข่าวรายนี้บอกว่า ชาวต่างชาติรายนี้หากไม่พอใจคนดูแลช้างหรือควาญช้างก็จะไล่ออกทันที
แต่แหล่งข่าวบอกว่า ศูนย์อนุรักษ์จะโพรโมตเพจหรือเว็บไซต์ในต่างประเทศ จะไม่โฆษณาในประเทศไทย นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการอาบน้ำ ขี่ช้างหรือให้อาหารช้าง จะจองผ่านออนไลน์จากต่างประเทศอย่างเดียว แต่ในส่วนของการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิหาเงินบริจาค ลูกจ้างคนไทยจะไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้ เพียงแต่ยืนยันว่า การตั้งศูนย์อนุรักษ์ช้าง ไม่ได้เป็นการช่วยช้าง มันเป็นการทำร้ายทั้งคนไทยและควาญช้าง และช้าง
ขณะที่แหล่งข่าวซึ่งทำงานอยู่ใกล้บริเวณศูนย์อนุรักษ์ช้างแห่งนี้ เปิดเผยว่า นายเดวิด มีนิสัยชอบโวยวาย ขี้โมโห อารมณ์ร้อน มีปากเสียงกับเจ้าของปางช้างอื่น ๆ เสมอ ขณะที่ ภรรยาเป็นคนไทยมีลูกติดเป็นตำรวจ ยศสิบตำรวจ แต่ภรรยาชอบบอกกับคนอื่น ๆ ว่า มีพรรคพวกเป็นคนใหญ่คนโต มีเส้นสาย และชอบร้องเรียนปางช้างคู่แข่ง แต่จะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้พื้นที่ของตัวเอง วันดีคืนดีจะหยิบปืนจากหลังรถกระบะเดินไปเดินมา สร้างความหวาดกลัวแก่เพื่อนบ้านมาก แถมสั่งลูกน้องหรือควาญช้างในศูนย์ตัวเอง ห้ามนำเพื่อนหรือญาติพี่น้องเข้าไปในศูนย์อย่างเด็ดขาด จึงไม่ค่อยมีคนไทยเคยเห็นว่าข้างในศูนย์อนุรักษ์ช้างของ นายเดวิด เป็นอย่างไร
สำหรับในจังหวัดภูเก็ต มีปางช้างเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 26 ปาง และลดลงมากหลังการระบาดวิกฤตโควิด-29 และเพิ่งฟื้นคืนมาใหม่ เพราะเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้มากจากการท่องเที่ยว แต่มีประกาศจังหวัดควบคุมนำเข้าช้างไม่เกิน 200 เชือก แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้เข้มงวด ทั้งปัจจุบันยังไม่มีการสำรวจเป็นทางการว่าทั้งภูเก็ตมีช้างอยู่จำนวนเท่าไหร่ และสร้างเม็ดเงินเพื่อการท่องเที่ยวประมาณเท่าไหร่
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35