จุกอก ! “ลูกในไส้” แอบขายบ้าน “พ่อแม่” แทบขาดใจ กลายเป็น “ผู้เช่า” ไม่รู้ตัว

593 ครั้ง

28 ก.พ. 2567

แชร์ข่าวไปที่

พ่อแม่สุดช้ำใจ ถูกลูกสาวคนโตหลอกโอนโฉนดที่ดิน อ้างว่าจะไปยื่นกู้เอาเงินมาสร้างบ้านให้ใหม่ แต่กลับเอาที่ดินไปขาย ทำให้พ่อแม่ต้องกลายเป็นผู้เช่าโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายต้องย้ายไปอยู่บ้านญาติ แถมโดนคดีลักทรัพย์ ส่วนลูกสาวคนโตทุกวันนี้ยังติดต่อไม่ได้

วันที่ 28 ก.พ. 67 คุณแดง สุขสุคนธ์ (ชา) พ่อ และ คุณน้ำริน สุขสุคนธ์ (เล็ก) แม่ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ลูกสาวคนโตมาบอกว่าจะปลูกบ้านให้ใหม่ ลูกสาวคนโตได้ขอโฉนดที่ดินไปเพื่อทำเรื่องกับธนาคารตั้งแต่ปี 2556 แต่ยื่นกู้ธนาคารไม่ผ่าน และไม่ได้สร้างบ้านให้ตามที่บอกไว้ เนื่องจากราคายื่นกู้ถูกกว่าราคาบ้านที่จะสร้าง แต่ตนก็ไม่ได้ทวงถามแล้วตัดสินใจสร้างบ้านด้วยเงินของตัวเอง หลังจากนั้นลูกสาวก็ทำตัวปกติไม่ได้มีพิรุธ

ถกไม่เถียง : จุกอก ! “ลูกในไส้” แอบขายบ้าน “พ่อแ

แต่สุดท้ายความแตกเมื่อวันหนึ่งมีคนเข้ามาหาที่บ้าน บอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขา จากการซื้อขายกับลูกสาวคนโต และได้มาเก็บค่าเช่าที่ค้างอยู่ ตนโทรไปหาลูกสาวคนโตเพื่อมาพูดคุย แต่ก็ไม่สามารถจัดการได้ จากนั้นก็ติดต่อลูกสาวคนโตไม่ได้อีกเลย ตั้งแต่ที่รู้ว่าบ้านโดนขายก็ไม่สบายใจ จึงตัดสินใจชวนกันขนของย้ายออกไปอยู่กับพี่สาวของตน

คุณนัฏฐกานต์ สุขสุคนธ์ (นัท) ลูกสาวคนเล็ก เผยว่าพี่สาวของตนไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่กำแพงเพชร ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ แวะมาหาพ่อแม่ตามเทศกาล และฝากลูกให้แก่พ่อแม่เลี้ยงตั้งแต่แรกเกิด หลังจากเกิดเรื่องแม่จะรู้สึกแย่กว่าคนอื่น เนื่องจากแม่เป็นคนเก็บเงินสร้างบ้านหลังนี้มาตลอด แต่บ้านต้องตกเป็นของคนอื่นจากน้ำมือของลูกสาวคนโต โดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่ดินถูกขายไปหลังจากพ่อแม่หลังจากพ่อแม่สร้างบ้านหลังใหม่เสร็จ นอกจากนี้ยังถูกดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากต้องขนของออกจากบ้านเพื่อไปอาศัยอยู่กับญาติ

คุณโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย กล่าวว่า ในกรณีนี้ที่ลูกนำที่ดินของพ่อแม่ไปขาย ตามข้อกฎหมายสามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ ขณะนี้ทางอัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดกำแพงเพชร ได้เข้าไปช่วยเหลือด้านกฎหมายและเจรจากับเจ้าของที่ดินคนใหม่แล้ว ว่าต้องการซื้อคืน จึงอยากจะขอความเมตตาจากเจ้าของบ้านคนใหม่ขายบ้านคืนในราคาที่สมเหตุสมผล

ตามหลักกฎหมายการประพฤติเนรคุณจะต้องไปเรียกคืนจากลูกสาว แต่กรณีนี้ลูกสาวขายที่ดินไปแล้ว จึงอาจไม่สามารถไปเรียกอะไรคืนจากลูกสาวได้ ส่วนลูกสาวถ้าหากมีปัญหาอะไรขอให้มาพูดคุยเจรจาเชื่อว่าสามารถใช้กฎหมายมาช่วยเหลือได้ พร้อมย้ำว่าทุกอย่างสามารถใช้หลักกฎหมายแก้ไขได้ ถ้าหากมีปัญหาในลักษณะนี้สามารถมาขอความช่วยเหลือกับอัยการคุ้มครองสิทธิ์ได้ วิธีป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ สามารถทำได้โดยไม่ต้องโอนที่ดินให้ หากลูกบอกว่าจะนำที่ดินไปจำนอง สามารถให้ลูกไปกู้แล้วเจ้าของที่ดินไปจำนองและกู้ร่วมได้ ส่วนข้อหาลักทรัพย์สามารถไปยื่นคำร้องต่ออัยการจังหวัดได้ว่าบ้านเป็นของคุณพ่อคุณแม่ จึงอาจเกิดการเข้าใจผิดกันได้

ร.ต.อ. พงษ์พิพัฒน์ เขียวอุบล อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดกำแพงเพชร เผยถึงความคืบหน้าของกรณีนี้ หลังจากที่ได้เก็บข้อมูล พบว่าบ้านสร้างเมื่อปี 2562 แต่ภายหลังลูกสาวคนโตได้ขายที่ดินไปเมื่อปี 2566 เจ้าของบ้านคนใหม่ไม่มีความผิดเนื่องจากซื้ออย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้มีความผิดแต่ต้องมารับเคราะห์จากการกระทำของลูกสาวคนโต โดยมีแนวทางการช่วยเหลือด้วยการเจรจาขอซื้อคืนในราคาที่เป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา เนื่องจากเจ้าของคนใหม่จะขายคืนในราคา 480,000 บาท แต่คุณนัท สามารถซื้อคืนได้ในราคา 400,000 บาท

เจ้าของที่คนใหม่ ชี้แจงว่า ซื้อที่ดินมาจากพี่สาวคนโต 350,000 บาท ส่วนค่าเช่าชี้แจงว่าไม่ใช่ค่าเช่าแต่เป็นค่าเสียผลประโยชน์เพราะหลังจากซื้อขายยังมีคนอยู่ในบ้าน และตนเคยเสนอขายคืนแก่เจ้าของบ้านคนเก่าแล้วในราคา 380,000 บาท แต่เจ้าของบ้านคนเก่าไม่ยอมจ่าย ตอนนี้มีคนมาติดต่อซื้อที่ดินในราคา 600,000 บาท แต่ตนยอมขายคืนในราคา 480,000 บาท สาเหตุที่ตนเรียกราคาสูงเนื่องจากหลังจากครอบครัวนี้ย้ายออกได้ขนของออกไป และทำลายทรัพย์สินภายในบ้าน จึงทำให้ตนไม่พอใจแล้วไปแจ้งความขอหาลักทรัพย์ ด้านคุณนัทชี้แจงว่าตอนแรกที่ไม่ได้ซื้อคืนในราคา 380,000 บาท เนื่องจากไม่มั่นใจในขั้นตอนการซื้อขายที่เจ้าที่คนใหม่เสนอ

ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35