ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มขับรถรับจ้างตกเป็นแพะ ถูกตำรวจออกหมายจับคดีฉ้อโกง ยกกำลังไปตามจับกุมถึงบ้าน สร้างความอับอายต่อเพื่อนบ้าน มิหนำซ้ำตำรวจยังเอารูปแพะตอนไปโพสต์ลงโซเชียล ทำให้ลูกสาววัย 5 ขวบของแพะเห็น ทำให้ลูกคิดว่าพ่อเป็นคนไม่ดีด้วย หนุ่มแพะพยายามอธิบายขอให้ลบโพสต์แล้ว แต่ตำรวจไม่ยอมลบ อ้างว่า ไม่เชื่อว่ามึงไม่ได้กระทำความผิด
เมื่อช่วงเช้าที่ นายกฤษณะ สุขกล่ำ อาชีพขับรถรับจ้าง เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเป็นผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังตกเป็นแพะในคดีฉ้อโกง จนถูกตำรวจจับกุมตัวไปขังคุกอยู่หลายชั่วโมง ทำให้อับอาย ต้องเสียชื่อเสียง
นายกฤษณะ เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงประมาณปี 2565 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งติดต่อมาหาตนเอง และได้สอบถามตนเองว่า ได้ไปฉ้อโกงเงินลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน 50,000 บาท หรือเปล่า เพราะชื่อ-นามสกุลตนเองตรงกับผู้ต้องหา ตนได้ตอบปฏิเสธไปว่าไม่ใช่ คนชื่อ-นามสกุลเดียวกับตนเองมีหลายคน ให้ตรวจสอบเลข 13 หลักของบัตรประชาชนเอา จากนั้นก็เห็นว่ามีการจับคนร้ายตัวจริงได้แล้ว ตนก็คิดว่าเรื่องมันจบแล้ว
แต่พอมาถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. มีตำรวจชุดสืบสวนของ สน.คันนายาว ประมาณ 6 คน บุกเข้าจับกุมถึงบ้าน โดยก่อนจับกุมได้นำหมายจับของตนเดินไปสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกนั้นหลายหลังว่ารู้จักตนไหม
จากนั้นถึงได้เดินมาเรียกตนเองที่หน้าบ้าน และได้เชิญตนไปที่โรงพัก บอกว่าตนมีหมายจับคดีฉ้อโกงอยู่ที่ สภ.เด่นชัย จังหวัดแพร่ ตนจึงพยายามอธิบายไปว่าน่าจะเป็นการจับผิดคน เพราะชื่อ-นามสกุลตนเหมือนกับคนที่ไปก่อคดี แต่ตำรวจไม่เชื่อ ขอให้ตนขับรถไปที่โรงพักก่อน
พอตนเองถึงโรงพัก ตำรวจได้ให้ตนถ่ายรูปคู่กับหมายจับ จากนั้นตอน 15.00 น. ได้พาตนไปขังคุกภายในโรงพัก จากนั้นตอนเที่ยงคืนได้นำตนขึ้นรถตำรวจ พาไปส่งที่ สภ.เด่นชัย จังหวัดแพร่ โดยมีแฟนกับญาติตนเองขับรถตามไปด้วย พอถึง สภ.เด่นชัย จังหวัดแพร่ ตำรวจเจ้าของคดีได้สอบสวนตนเองถึงรู้ว่าเป็นการจับผิดตัว เนื่องจากในสำนวนคดี ผู้ต้องหาชื่อ-นามสกุลตรงกับตนเอง แต่หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักไม่ตรงกัน แต่ตำรวจ สภ.เด่นชัย ผิดพลาดที่นำเลขบัตรประชาชนตนเองไปออกหมายจับ จากนั้นตำรวจเจ้าของคดีจึงปล่อยให้ตนเองกลับบ้านได้ ตนได้บอกไปว่าจับตนมาไกลขนาดนี้ต้องเสียงานเสียการจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยเหรอ ตำรวจจึงให้เงินตนเองมา 1,000 บาท เป็นค่ารถ
ต่อมาตนเองมารู้ว่าตำรวจ สน.คันนายาว ได้นำรูปที่ตนถือหมายจับไปลงในเพจเฟซบุ๊กของตำรวจ ตั้งแต่วันที่จับกุมตนแล้ว ตนเองจึงเข้าไปติดต่อขอให้ตำรวจลบภาพออก แต่ตำรวจไม่ยอมลบ บอกว่ากูไม่เชื่อว่ามึงไม่ผิด ตนต้องอับอายเพื่อนบ้านมาก เพราะหลังถูกตำรวจมาจับตัวไปที่บ้าน เพื่อนบ้านมองว่าเป็นคนไม่ดี ไม่มีใครคุยด้วย และที่ช้ำใจมาก ลูกน้อยวัย 5 ขวบ มาเห็นภาพที่ตนเองถูกตำรวจจับ แล้วถามภรรยาว่า พ่อไปไหน เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก
และยังมีข้อสงสัยอีกหนึ่งอย่าง ตนเองถูกตำรวจจับที่บ้านในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ตำรวจ สน.คันนายาว กลับลงในบันทึกจับกุมว่าจับตนเองได้ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 ขณะเดินอยู่หน้าห้องสืบสวน
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เรื่องนี้ สภ.เด่นชัย ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง ในสำนวนเขียนเลขบัตรประชาชน 13 หลักของผู้ต้องหาชัดเจนอยู่แล้ว แต่กลับไปออกหมายจับเลขบัตรประชาชนของผู้เสียหายได้อย่างไร และ สน.คันนายาว ทำไมถึงนำหมายจับไปเดินถามเพื่อนบ้านแบบนั้น คุณมีหมายจับคุณก็เข้าไปหาเขาที่บ้านเลยสิ พวกคุณก็รู้ว่าบ้านเขาอยู่หลังไหน ทำไมต้องทำให้เขาอับอายด้วย และผู้เสียหายได้ไปอธิบายขอให้ลบโพสต์แล้ว แต่ทำไมยังไม่ลบ พอเป็นข่าวดังแล้วเพิ่งมาลบเหรอ
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม