ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จากคดีที่สามีคือนายศิริชัย แจ้งความว่าภรรยา คือน้องนุ่น หรือ ชลลดา หายตัวไป สุดท้ายกลายเป็นว่าตัวเขาเป็นคนฆ่าภรรยาเสียเอง แล้วนำศพไปเผาอำพราง โดยลงมือต่อหน้าลูกอายุเพียง 1 ขวบ 2 เดือน วันนี้ ตำรวจนำตัวสามีที่กลายร่างเป็นฆาตกรเหี้ยมฆ่าภรรยาตัวเอง ไปทำแผนยังจุดต่าง ๆ
นำตัว ศิริชัย สามีเหี้ยม ทำแผนฆ่าน้องนุ่น
ตำรวจคุมตัวนายศิริชัย รักทอง อายุ 33 ปี สามีผู้ก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเอง คือน้องนุ่น นางสาวชลลดา มุธุรงศ์ อายุ 27 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด จุดแรกบ้านพักที่เกิดเหตุ ภายในหมู่บ้านลูกกอล์ฟ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นจุดฆาตกรรม โดยตำรวจนำตัวชี้จุดที่นายศิริชัย ทำร้ายน้องนุ่น รวมถึงใช้ก้อนอิฐทุบตีหัว จนกระทั่งน้องนุ่นแฟนสาวเสียชีวิต
ส่วนจุดที่ 2 บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บนถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นจุดที่นายศิริชัย เช่าแกลลอน 2 แกลลอน 1,000 บาท และซื้อน้ำมันอีก 420 บาท รวมเป็นเงิน 1,420 บาท นำไปเป็นเชื้อเพลิงเผาอำพรางศพ
และจุดที่ 3 บริเวณร้านกระจกเลียบคลองประปา บนถนนแจ้งวัฒนะ 38 ซึ่งเป็นจุดที่นายศิริชัย ทำร้ายร่างกายแฟนสาว ใช้อิฐทุบหัว ก่อนลากขึ้นรถกลับบ้าน จากนั้น ตำรวจนำตัวนายศิริชัย เดินทางไปทำแผนต่อที่ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นจุดเผาอำพรางศพ
ระหว่างทำแผน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงสาเหตุในการฆาตรกรรมจุดไฟเผาอำพรางศพน้องนุ่น นายศิริชัย มีสีหน้าเครียด วิตกกังกล และร้องไห้ระหว่างทำแผน ก่อนพูดเพียงว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังเป็นห่วงลูก จากนั้นไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด
นาที ศิริชัย จนมุมสารภาพฆ่าภรรยา
ย้อนกลับไปช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านของนายศิริชัย ภายในหมู่บ้านย่านเมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี จากนั้นช่วงค่ำ มีตำรวจอีกชุดเข้ามา ก่อนจะควบคุมตัวนายนายศิริชัย ไปที่ห้องสืบสวน สภ.ปากเกร็ด เค้นสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง จนในที่สุดยอมเปิดปากสารภาพว่าเป็นคนฆ่าน้องนุ่น ภรรยาตนเอง ด้วยการใช้หินทุบศีรษะ หลังมีปากเสียงกันระหว่างกลับจากงานเลี้ยง ก่อนจะนำศพใส่รถเก๋งไปทิ้งไว้ที่บ้านมาบเหวียง ตำบลหนองโพ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
พบศพถูกเผาที่ปราจีนบุรี เจอสร้อยข้อมือคล้ายน้องนุ่น
เวลาประมาณ 20.00 น. ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี ไปตามจุดพิกัดที่นายศิริชัย อ้างว่า จับสัญญาณจีพีเอสโทรศัพท์เมียได้ ซึ่งพบกะโหลก กระดูกมนุษย์ถูกเผาในสวนยางพารา ห่างจากถนนสาย 359 ราว 200 เมตร อยู่ในพื้นที่บ้านระเบาะไผ่ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เบาะแสสำคัญคือมีสร้อยข้อมือลายเดียวกับน้องนุ่น จึงแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ ชุดสืบสวนจึงประสานพนักงานสอบสวน ให้ส่งภาพในที่เกิดเหตุไปวิเคราะห์สร้อยข้อมือ พบว่าเป็นลายเดียวกัน เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ทำให้นายศิริชัย ยอมรับว่าทำร้ายน้องนุ่นจนเสียชีวิต
ตำรวจยืนยันน้องนุ่นถูกสามีฆ่าเผาอำพราง
ต่อมาช่วงประมาณ 22.00 น. พลตำรวจตรี ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ยืนยันว่า โครงกระดูกดังกล่าวเป็นของน้องนุ่น เนื่องจากในที่เกิดเหตุมีสร้อยข้อมือที่สามารถระบุได้ว่าเป็นของผู้เสียชีวิต ส่วนในการจากการสอบปากคำ นายศิริชัย กว่า 2 ชั่วโมง นายศิริชัยให้การรับสารภาพ รวมถึงได้ยกมือขอขมาแม่ของน้องนุ่น บอกว่าเหตุที่ทำลงไปเพราะเหมือนความแค้นสะสม ที่น้องนุ่นชอบยกเรื่องเก่า ๆ มาว่า และตนต้องเป็นฝ่ายง้อตลอด ทำดีแค่ไหนก็ไม่เคยมองว่าดี จึงได้ลงมือก่อเหตุ
โดยนายศิริชัย สารภาพ ทำร้ายร่างกายน้องนุ่น ระหว่างทางกลับบ้าน และไปทำร้ายร่างกายอีกครั้งในบ้าน ใช้อิฐตัวหนอนทุบที่ศีรษะ ช่วงเวลาเกิดเหตุคือ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ช่วงประมาณ 02.15 น. ต่อมา พอนายศิริชัย รู้ว่าเสียชีวิต เวลาประมาณ 09.00 น. จึงนำศพใส่กระเป๋า วางตรงเบาะด้านหลังฝั่งซ้าย และมีลูกนั่งไปด้วยตลอดเวลา ไปเผาอำพรางที่จังหวัดปราจีนบุรี
วงจรปิด หลักฐานมัดสามีทำร้ายน้องนุ่นโหดเหี้ยม
อีกหนึ่งในหลักฐานสำคัญ ที่มัดตัวนายศิริชัย คือหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด คืนวันที่ 17 ประมาณ 22.00 น. บันทึกภาพขณะนายศิริชัย ลงมือทำร้ายร่างกายภรรยา ทั้งเตะทั้งต่อยและใช้เท้ากระทืบน้องนุ่น อย่างโหดร้ายอยู่บริเวณร้านกระจกเลียบคลองประปา ริมถนนแจ้งวัฒนะ 38 เผยให้เห็นช่วงนาทีอันโหดร้าย ที่น้องนุ่น ถูกนายศิริชัย ทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม หลังมีปากเสียงกันระหว่างกลับจากงานเลี้ยง โดยลากน้องนุ่นลงจากรถลงมาที่ข้างถนนแล้วใช้มือกระชากผม ต่อย เอาเท้าเตะ และกระทืบ รวมถึงเอาก้อนอิฐทุบศีรษะ และบางช่วงนายศิริชัยยังอุ้มลูกอายุ 1 ขวบ 2 เดือน ลงจากรถมาทำร้ายน้องนุ่นด้วย
ต่อเนื่องด้วยวงจรปิดนายศิริชัยขับรถยนต์ BMW สีขาวเข้าบ้าน พร้อมกับน้องนุ่นขณะที่ยังมีชีวิต ก่อนไปทำร้ายร่างกายต่อที่บ้านจนเสียชีวิต คืนวันที่ 17 ต่อคืนวันที่ 18 ช่วง 02.00 น.
และวงจรปิดช่วง 09.00 น. วันที่ 18 ที่นายศิริชัย ขับรถยนต์ออกจากหมู่บ้านไปปั๊มซื้อน้ำมัน และนำร่างน้องนุ่นไปเผาอำพรางศพที่ปราจีนบุรี ก่อนจะขับรถยนต์กลับมาที่หมู่บ้านช่วง 17.00 น. วันเดียวกัน จากนั้นเช้าวันที่ 19 อุ้มลูกไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ซึ่งทุกเหตุการณ์อันโหดเหี้ยม ชายคนนี้ทำต่อหน้าลูก
คนเฝ้าสวนยาง เผยเห็นจุดโดนเผา 19 ก.พ. คิดว่าตอไม้
ส่วนจุดพบศพในพื้นที่ สภ.ระเบาะไผ่ ปราจีนบุรี พนักงานสอบสวน มอบชิ้นส่วนศพ ให้หน่วยกู้ภัยนำส่งสถาบันนิติเวช เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและหาสาเหตุการเสียชีวิต และนัดผู้สื่อข่าวอัมรินทร์ทีวี ที่เป็นผู้พบศพคนแรกมาให้ปากคำ
นายยุทธภูมิ นวลสมศรี ผู้ดูแลสวนยางจุดเผาอำพรางศพน้องนุ่น บอกว่า ในขณะที่ตนเองขับขี่รถจักรยานยนต์ มาดูคนงานกรีดยางในสวน เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ห่างจากจุดที่เผาศพแค่ประมาณ 6 เมตร แต่ไม่ได้สังเกตุว่าเป็นร่างมนุษย์ถูกเผา คิดว่าเป็นตอไม้ จนมารู้ตอนที่มีตำรวจมาตรวจสอบช่วงเย็นเมื่อวานนี้
คดีฆ่าน้องนุ่น เริ่มต้นจากตัวนายศิริชัย ไปแจ้งความกับตำรวจว่าภรรยาหนีลงจากรถไปขึ้นแท็กซี่และหายไป แต่แม่และเพื่อนของน้องนุ่นไม่เชื่อ จนสุดท้ายนำมาสู่การติดตามสืบสวนและพบว่าที่น้องนุ่นหายไป เพราะนายศิริชัย ผู้เป็นสามีเป็นคนฆ่าและเผาอำพราง วันนี้ จึงมีความเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ที่มาเปิดโปงพฤติกรรมของสามีโหดรายนี้ ติดตามได้ในช่วงหน้า
คุมตัว ศิริชัย ทำแผนจุดเผาน้องนุ่น
การทำแผนจุดสุดท้าย ตำรวจนำตัวนายศิริชัย ไปทำแผนยังจุดเผาอำพรางศพ ที่ปราจีนบุรี เมื่อลงจากรถตู้ ให้จำลองเหตุการณ์ในวันก่อเหตุ ซึ่งเจ้าตัวให้การว่า นำกระเป๋าใบใหญ่ที่ยัดศพน้องนุ่นมาเผาที่จุดดังกล่าว ก่อนเปิดกระเป๋า ใช้น้ำมันที่ซื้อมาราดลงบนกระเป๋า และราดเป็นทาง แล้วใช้ไฟแช็คจุดไฟเผาทันที ซึ่งในจุดนี้ นายศิริชัยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนตำรวจจะนำตัวกลับ สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี
ฝากขัง ศิริชัย แจ้ง 3 ข้อหาหนัก เผยเลือกจุดเผาเพราะผ่านประจำ
หลังกลับจากทำแผนที่ปราจีนบุรี ตำรวจนำตัวนายศิริชัย กลับ สภ.ปากเกร็ด พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพศพ และแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน โดยระหว่างที่ตำรวจนำตัวนายศิริชัย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายศิริชัย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองยอมชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป ไม่ว่าจะ 10 ปี หรือ 20 ปีก็ตาม ก็จะขอชดใช้ให้น้องนุ่น ส่วนเรื่องที่ตนเอาศพน้องนุ่นไปเผา เพื่ออำพรางในปราจีนบุรีนั้น เป็นทางผ่านที่ตนใช้ขับรถไปส่งน้องนุ่นทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาเป็นประจำอยู่แล้ว จึงรู้จักสถานที่ว่าเปลี่ยวไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านไปมา
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35