ปริศนา ! หนุ่มกลายเป็นศพหลังโดนจับตรวจฉี่ ภรรยากังขา เผลอแค่พริบตา ตร.ทำอะไร ?

กลายเป็นปริศนาคาใจญาติผู้เสียชีวิต หลังจากแฟนหนุ่ม โดนจับตรวจฉี่ ลั่น ฉี่ไม่ออก จนตำรวจเชิญตัวไปโรงพัก แต่ไม่นานก็ตกรถกระบะเสียชีวิต แฟนสาวคาใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้รับความชัดเจนใด ๆ จากตำรวจ !

 

 

            วันที่ 19 ก.พ. 2567 เพชรรัตน์ ทิพย์ระฆังทอง (แม้ว) แฟนผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุ วันที่ 16 ก.พ. 2567 เวลาประมาณ 05.00 น. ตนกับแฟนกำลังจะไปหาหมอรักษาอาการป่วยที่ตาของตัวเอง โดยที่ตนเองเป็นคนขับ ส่วนแฟนเป็นคนนั่งไปด้วย เพราะว่าแฟนไปทำงานมาค่อนข้างเพลียตนเลยให้เขานอน จากนั้นขับรถออกจากบ้านไป ก็ได้ไปเจอด่าน ตำรวจที่ด่านเขาก็ตรวจค้นตามปกติไม่ได้เจออะไร แต่ตำรวจได้ทำการขอตรวจปัสสาวะแฟนของตนเอง ทางแฟนก็ได้ลงจากรถเอาขวดน้ำไปด้วย เพื่อกินน้ำให้ฉี่ออกมา

 

            ทว่าตนเห็นแฟนยืนอยู่นาน ไม่เสร็จสักที เลยแชตไลน์ไป แต่แฟนตอบกลับว่า "ฉี่ไม่ออก เดี๋ยวไปโรงพัก" ไม่นานตำรวจก็เอารถกระบะมา แต่พอแฟนจะขึ้นไปนั่งที่ข้างหน้ารถ ตนก็ไม่ทราบด้วยสาเหตุอะไร ถึงปิดประตูและเดินไปนั่งที่ท้ายกระบะ โดยมีตำรวจนั่งไปด้วยอีก 1 คน และมีมอเตอร์ไซค์ตำรวจตามไปอีก 2 คัน ซึ่ง 1 ในนั้นบอกกับตนว่าแฟนตนตรวจปัสสาวะไม่ผ่าน ให้ตามไปที่โรงพัก หลังจากตนออกจากด่านมา ตนก็โทรถามแฟน เขาก็ยังยืนยันว่าเขายังไม่ได้ตรวจปัสสาวะ เนื่องจากฉี่ไม่ออก 

 

            และไม่นาน สิ่งที่ตนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระหว่างที่ตนขับรถตามอยู่นั้น ก็มาเห็นร่างแฟนนอนอยู่กับพื้นถนนเต็มไปด้วยเลือด ที่ศีรษะ ที่จมูก ตนทำใจไม่ได้เลย ตรงบริเวณดังกล่าวมีตำรวจยืนอยู่ด้วย 1 คน ตนได้ถามไถ่ความเป็นมา แต่กลับไม่ได้คำตอบอะไรเลย เป็นสิ่งที่ตนคาใจอย่างมาก จนถึง ณ วันนี้ตนก็ยังไม่ได้คำตอบหรือชี้แจงใด ๆ เลย จากตำรวจชุดที่พาแฟนตนไป อย่างไรก็ตามที่ตนออกมาร้องเรียน เพราะตนอยากได้ความชัดเจน และเป็นธรรมต่อแฟนของตน และอยากได้กล้องที่ติดอยู่กับตัวตำรวจ ซึ่งกล้องดังกล่าว เขาบอกว่ากำลังรวบรวมอยู่ แต่กล้องของตำรวจนายที่นั่งกกับแฟนตนท้ายกระบะนั้น แบตหมด 

 

 

            ฟากสุริยา พากกระเเส (เปิ้ล) พี่สาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากตนทราบเรื่อง ในตอนแรกตนยังไม่คิดว่าน้องชายจะเสียชีวิต คิดว่าเขาแค่บาดเจ็บ พอไปถึงที่เกิดเหตุก็ก็แทบทรุดเลย แถมยังไม่เจอตำรวจ เจอแต่รถที่ขนของด่านตรวจ และกู้ภัยที่เข้ามาปลอบ ส่วนการชันสูตรตำรวจบอกว่าเขาส่งตรวจไปแล้ว ตอนนี้ยังรอผลอยู่ ขณะเดียวกัน วันแถลงการกับนักข่าวตำรวจเขาบอกว่าน้องชายตนมีสารเสพติด และขณะขับรถวิ่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั่นก็ยิ่งทำให้ตนคาใจ เพราะ ถ้าแค่มีสารเสพติด ก็แค่บำบัดไม่ ทำไมถึงกับต้องเสียชีวิต หรือถ้าร่วงรถ รถวิ่งด้วยความเร็วแค่นั้นทำไมตำรวจถึงไม่กระโดดลงมาช่วย  

 

 

            ด้าน นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า เคสนี้ไม่มีการตายฟรีแน่นอน อย่างแรกต้องไปดูก่อนว่าใครเป็นคนขับ แล้วถูกแจ้งข้อหาหรือไม่อย่างไร ถ้าไม่มีการแจ้ง ตำรวจก็จะโดนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และโดนมาตรา 189 ด้วย ถ้าหากตำรวจช่วยเหลือกันให้ไม่ได้รับโทษ ถ้าไม่ตรงไปตรงมาเรื่องนี้ตนก็จะฟันไม่เลี้ยงเหมือนกัน นอกจากนั้นต้องแจ้งข้อหาคนที่เฝ้าหลังกระบะด้วย ซึ่งก็มีประเด็นตรงที่ว่า ผู้เสียชีวิตเขานั่งขอบกระบะ ทำไมตำรวจที่นั่งเฝ้าถึงไม่เตือน

 

            ทั้งนี้ วันนี้(19 ก.พ. 2567) ทีมงานได้ติดต่อไปยังผกก. สภ.เมืองนครปฐม โดยท่านได้แจ้งกับทีมงานของผมว่าตอนนี้ท่านติดประชุมอยู่เลยยังไม่สามารถให้ข้อมูลกับทางเราได้ จากนั้นก็วางสายไป และในระหว่างรายการทีมงานก็ยังพยายามติดต่อกับทาง ผกก. อีกครั้ง เพื่อที่จะหาความกระจ่างในเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีการรับสายแต่อย่างใด