ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มขับรถกระบะไปบนถนน อยู่ดี ๆ ถูกรถกระบะขับตามมาปาดหน้า บังคับให้หยุดรถ จากนั้นมีชายฉกรรจ์ถือปืนลงมาจากรถอ้างตัวเองว่าเป็นตำรวจ เอาปืนมาจ่อที่หัว สั่งให้เปิดประตูรถ หนุ่มผู้เสียหายต้องรีบเปิดประตูให้ จากนั้นก็มีการค้นตัวหนุ่มผู้เสียหาย และค้นรถกระบะ เพื่อหายาเสพติด จังหวะนั้นมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้ามไม่ให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจใช้ปืน หลังค้นหาอยู่สักพัก พอไม่เจอสิ่งผิดกฎหมาย กลุ่มชายฉกรรจ์ก็จากไป
ในคลิปจะเห็นว่า ชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจใส่ชุดนอกมาหมดเลย ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นพอดีเลยเดินเข้ามาบอกว่า ไม่มีใครใส่ยาบ้าไว้ในเก๊ะรถหรอก แต่ตำรวจก็บอกมาว่า ตนเองประสบการณ์เยอะ เคยอยู่สืบภาคมาก่อน พอคนหาได้สักพัก ก็ไม่พบอะไร
ต่อมาทางผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปพบกับ นายวีรชาติ พัฒเกตุ เจ้าของรถคันที่ถูกค้น ได้เล่าให้ฟังว่า ตนถูกชายฉกรรจ์ 3 คน บุกเข้ามาใช้ปืนจ่อหัว และขอตรวจค้นภายในรถ เพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่พบ หลังจากตรวจค้นเสร็จเงินในกระเป๋ากางเกงหายไป 3,500 บาท จากนั้นตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองแค เรื่องผ่านมากว่า 2 เดือน คดีไม่คืบหน้า จึงอยากร้องร้องสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ด้วย
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ขณะที่ตนขับรถกระบะมาจอดบนถนน ภายในซอยสุขาวดี ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อจะมาหาเพื่อน และสอบถามหาซื้อถ่านหุงต้ม เพื่อจะนำไปขายต่อ จากนั้นได้มีรถกระบะ 4 ประตู คันหนึ่ง เข้ามาจอดที่ท้ายรถ
โดยมีชายฉกรรจ์ 3 คน ลงมาจากรถ และชักปืนออกมาจ่อหัวบังคับให้ลงรถ ซึ่งตนก็ตกใจ และสงสัยว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่มีการแสดงบัตรอะไรเลย โดยพูดบังคับให้ลงจากรถมา ถ้าไม่ลงมาจะยิง โดยชายทั้ง 3 คน แต่งกายด้วยเสื้อลายสก็อต กางเกงขายาว โชคดีที่มีชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นออกมาพยาน จากนั้นชายทั้ง 3 คน ได้ค้นภายในรถ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ จากนั้นได้มาค้นตัวตน สั่งให้ตนถอดกางเกงออก แล้วนำกางเกงไปค้น เมื่อตรวจค้นภายในกางเกงเสร็จ ก็เอากางเกงคืนมาให้ใส่ จากนั้นตำรวจได้ขับรถออกไป
เมื่อตนมาตรวจสอบเงินในกระเป๋ากางเกง ปรากฏว่าเงินหายไป 3,500 บาท ตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.หนองแค หลังจากนั้นตนก็โทรศัพท์ถามความคืบหน้ากับตำรวจ ก็ได้คำตอบว่า รอก่อน ซึ่งตอนนี้เรื่องผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว คดียังไม่ไปถึงไหนเลย และเพิ่งมาทราบว่าชายฉกรรจ์ 3 คน เป็นตำรวจ สภ.หนองแค จังหวัดสระบุรี 2 นาย ส่วนอีก 1 คน เป็นอาสาตำรวจ ทำให้ตนกลัวว่าตำรวจโรงพักเดียวกัน จะช่วยเหลือกัน เกรงว่าตนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ถ้าวันนั้นเกิดปืนลั่นใส่ตนแล้ว ทำให้ตนเสียชีวิต ลูกของตน 3 คน และภรรยา การดำรงชีวิตก็น่าจะลำบาก เพราะขาดเสาหลัก ตนคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้
ทางด้านชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ได้เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายกันหน้าบ้าน จึงออกมาดู ก็เห็นว่ามีชายฉกรรจ์ 3 คน ที่อ้างว่าเป็นตำรวจ ชักปืนขึ้นมาจ่อหัวผู้เสียหาย ตนจึงตะโกนถามว่าเรื่องอะไรกัน ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อขอดูบัตรกลับไม่ให้ดู
ตนก็ถามกลับไปว่า ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่มาจากไหน ก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นเดิม มีแต่พูดว่า ยอมนะต้องยอม ของอยู่ไหน ๆ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าของอะไร เมื่อผู้เสียหายให้ค้น ตนก็อยู่เป็นพยานให้
ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.หนองแค จังหวัดสระบุรี ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า คำให้การให้การขัดแย้งกันอยู่ จึงต้องมีการสอบพยานที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มอีก 7-8 ปาก เพราะบริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ต้องใช้พยานบุคคลประกอบสำนวนคดี ตอนนี้ได้เรียกพยานทั้งหมดมาสอบแล้ว
ส่วนเรื่องเงินที่ผู้เสียหายแจ้งว่า เงินในกระเป๋ากางเกงหายไป 3,500 บาทนั้น ทางผู้เสียหายบอกว่า ไม่ได้ติดใจ ตำรวจอาจจะไม่ได้เอาไป อาจจะทำหายเอง หรือใช้จ่ายไปเองแล้วลืม แต่ที่ติดใจ คือ เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการชักปืนขึ้นข่มขู่
เบื้องต้น ชายทั้ง 3 คน ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองแค จริง 2 นาย ตอนนี้ได้สั่งให้เขียนรายงานชี้แจงมาแล้ว และทำการย้ายให้ไปปฏิบัติการหน้าที่อื่นก่อน เพื่อรอความชัดเจน ส่วนอีกคนเป็นอาสาตำรวจ ขึ้นบัญชีเป็นคนช่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ถูกต้อง
โดยตำรวจทั้ง 2 นาย อ้างว่า มีสายรายงานมาว่า รถยนต์คันดังกล่าวมีการซุกซ่อนยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ ชุดตรวจของตนเองอยู่ใกล้ จึงเข้าทำการตรวจสอบทันที ที่ต้องใช้อาวุธปืน เพราะต้องทำตามยุทธวิธี เนื่องจากได้รับแจ้งมาว่าผู้เสียหายมีอาวุธปืน บวกกับกระจกรถมีการติดฟิล์มดำ แถมผู้เสียหายยังมีประวัติทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า ตำรวจกลัวจะเกิดอันตรายได้
ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ตนเองจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งจะไม่มีการเข้าข้างใคร เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบกับประชาชน ซึ่งถ้าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยการข่มขู่สมัยนี้มันไม่มีการกระทำแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งถ้าตรวจสอบแล้วว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิด ก็จะต้องดูกำหนดบทลงโทษ ถ้าเข้าข่ายรังแกประชานอาจจะต้องผิดวินัยร้ายแรง มีโทษอาจถึงไล่ออกได้เลย แต่ในคลิปที่ตนเห็น มีแต่การตรวจค้นเท่านั้น ไม่เห็นในตอนที่มีการชักอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่ เดี๋ยวต้องรอสอบพยานแวดล้อม เป็นพยานบุคคลอีก 7-8 ปาก ถ้าเมื่อสอบแล้วก็จะทราบข้อเท็จจริง
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35