logo ถกไม่เถียง

อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” แบไต๋ กลลวงใหม่ “คุย 2 นาที” ตอบแค่ “ใช่” ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี !

ถกไม่เถียง : หนุ่มไทย อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ออกมาเผยกลยุทธ์ใหม่ คุยโทรศัพท์หลอกเหยื่อ แค่ 2 นาที ดูดเงินจากบัญชีได้เกลี้ยง เน้นไปที่ข้าราชการ โ ถกไม่เถียง,ทิน โชคกมลกิจ,นายเอ,ch7hd,คอนเซ็นเตอร์,แก๊งคอลเซ็นเตอร์,มิจฉาชีพ,หลอก,เงิน,โอนเงิน,บัญชี,2 นาที เงินหาย,หายวับ,เกลี้ยง,ธนาคาร,กรุงไทย,ธนาคารรัฐ,กลใหม่,วิธีใหม่,ดูดเงิน,หมดบัญชี

2,383 ครั้ง
|
12 ก.พ. 2567
หนุ่มไทย อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ออกมาเผยกลยุทธ์ใหม่ คุยโทรศัพท์หลอกเหยื่อ แค่ 2 นาที ดูดเงินจากบัญชีได้เกลี้ยง เน้นไปที่ข้าราชการ โดนกันไปแล้วถ้วนหน้า !
 
ถกไม่เถียง : อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” แบไต๋ กลลวง
 
            วันที่ 12 ก.พ. 2567 นายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนได้ไปทำงานนี้จากการที่ได้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่งผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเขาเป็นคนชักชวนตนไปอ้างว่าไปทำงานเว็บพนันออนไลน์ คอยตอบลูกค้า ตนก็ตัดสินใจไป ซึ่งสถานที่ทำงานดังกล่าวนี้ เป็นคาสิโนแห่งหนึ่งอยู่ใน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และงานไม่ใช่งานเว็บพนัน แต่เป็นงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยที่ลักษณะข้างในคือจะเป็นตู้เก็บเสียงประมาณ 32 ตู้ สำหรับให้พนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปทำงาน ซึ่งตนไม่สามารถทำอะไรได้ จึงต้องตัดสินใจทำงาน
 
            โดยเขาให้ตนฝึกงานก่อน สำหรับวิธีการทำงานไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่โทรศัพท์ไปหาเหยื่อ เพื่อให้ยืนยัน ชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน  วันเดือนปีเกิด ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ และ เลขบัญชีธนาคาร โดยที่ตัวเองนั้นจะแนะนำว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐบาล  หรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร จากนั้นจะพยายามชวนคุยไปเรื่อย ๆ ให้ครบ 2 นาที เมื่อคนไทยพูดยืนยันเสร็จสิ้นจะส่งเสียงไปให้เจ้าหน้าที่คนจีน ที่ใช้เครื่องดูดเงิน ทำการแฮ็กเงินในบัญชีธนาคารของเหยื่อจนเกลี้ยงบัญชี ไม่ต้องกดลิงก์ ไม่ต้องโหลดแอปใด ๆ โดยเจ้าตัวเครื่องดูดเงินนั้น ตนเห็นอยู่ประมาณ 4 เครื่อง โดยมีมูลค่าเครื่องละ 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีเจ้าหน้าที่คนจีนเป็นคนคุม ส่วนยอดการทำงานนั้น มีเป้าต้องทำให้ได้วันละ 150 ล้านบาท ซึ่งก็ทำได้ทุกวัน
 
            นอกจากนี้ ทางกลุ่มนี้ เขาจะตัดแค่เสียงของเหยื่อไปใช้ เพื่อการยืนยันตัวตนกับทางธนาคาร และทำการแฮ็กต่อไป ส่วนธนาคารไหนที่ใช้เป็นการแสกนใบหน้า หรือลายนิ้วมือ กลุ่มมิจฉาชีพนี้ก็มีข้อมูลใบหน้าอยู่แล้ว และถ้าเกิดต้องการทำหน้าให้ยิ้ม หรือรูปบแบบต่าง ๆ อาทิ การยิ้ม กระพริบตา ก็แค่เอาเข้าโปรแกรมให้ AI เป็นคนทำ ส่วนเบอร์โทรสำหรับใช้โทรหาเหยื่อนั้น จะเป็นเบอร์ขึ้นต้นด้วย 02 ที่เป็นเบอร์ธนาคาร และจะมีการรันเปลี่ยนอยู่ตลอด 
 
            ขณะเดียวกัน การเบิกเงินของพวกเขาจะเน้นเบิกออกมาเป็นเงินสด แต่ตนไม่ทราบว่าเขาเบิกออมาจากธนาคารอย่างไร และเงินที่เขาให้จะสามารถใช้ได้แค่ในตึก ไม่มีสิทธิ์ได้ออกไปข้างนอก หรือไปเที่ยวแต่อย่างใด ของใช้ต่าง ๆ ก็ให้แอปพลิเคชันมาส่ง ตนเคยพยายามหนี โดยการเอาผ้าปูที่นอนผูกรวมกัน และโยนออกมาให้เกี่ยวกับรั้วลวดหนาม และทำการปีนหนีออกมา ทว่า กำแพงของสถานที่นั้นเขาทาน้ำมันไว้ เลยลื่นตกลงมา จึงถูกจับได้และใช้ไม้เบสบอล เหล็กตัน ทุบตีเรา เพื่อบังคับให้เราทำงาน ถ้าเราไม่ทำเขาจะมีทางเลือกให้เรา 2 ทาง คือขายเราต่อให้องค์กรอื่น หรือฆ่าเราทิ้ง พร้อมทั้งขู่ว่าถ้าอยากแจ้งความให้แจ้งเลย เพราะเขาจ่ายส่วยให้ตำรวจไทยอยู่ 60-90 ล้านบาท ตนพยายามหนีอยู่ 4 ครั้ง เพิ่งจะมารอดในครั้งสุดท้าย 
 
            โดยใช้วิธีหลบหนีออกมาโดยการใช้ผ้านวมพาดไปยังรั้วลวดหนามที่มีไฟฟ้าอยู่ และขึ้นไปยังชั้น 5 เพื่อกระโดดข้ามรั้วที่มีความสูงประมาณ 3-4 เมตร จากนั้นตนได้เรียกรถ 3 ล้อ ไปส่งที่หน้าด่านอรัญประเทศ แต่ตนไม่ได้ข้ามด่านแบบปกติเพราะกลัวตำรวจหน้าด่านจะเป็นพวกเขา เลยให้ 3 ล้อช่วยหาคนข้ามประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ โดย 3 ล้อบอกว่าราคา 3,000 บาท และโอกาสรอดแค่ 50/50 แต่ตนก็ตัดสินใจเลือกทางนี้ และโทรหาเพื่อนที่ประเทศไทยยืมเงิน 3,000 บาท จนรอดมาได้ ทั้งนี้เพื่อน ๆ ที่ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เคยคุยกันว่าถ้าใครรอดมาได้ อยากให้หาทางมาช่วยพวกเขากลับบ้านด้วย 
 
ถกไม่เถียง : อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” แบไต๋ กลลวง
 
            ฟาก เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า ตนอยากฝากประชาชนช่วยแชร์ เนื่องจากมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะเน้นหลอกไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยพวกเขาได้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐหมดแล้ว ทั้ง เลขบัตรประจำตัวประชาชน และการทำธุรกกรรมต่าง ๆ ที่ผูกมัดไว้ รวมถึงเลขบัญชีด้วย หลัก ๆ จะเป็นของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีเงินอยู่ในบัญชีเกิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งพวกเขาได้มาโดยการซื้อข้อมูลจากธนาคารแห่งหนึ่ง และพวกค่ายซิม ต่าง ๆ อีกทั้งประกันภัยด้วย 
 
            ทั้งนี้ การที่มิจฉาชีพเน้นเล่นงานไปที่ข้าราชการ เพราะว่า พวกข้าราชการระดับสูง จะต้องเปิดเผยทรัพย์สิน ทว่าการดูดเงินมาจากข้าราชการผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะหลายสิบล้าน ก็ไม่กล้ามีใครออกมาแแจ้งความ เพราะเขากลัวถูกตรวจสอบที่มาของทรัพย์สิน 
 
ถกไม่เถียง : อดีต “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” แบไต๋ กลลวง
 
            ขณะที่ พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับเคสนี้ ในมุมของตำรวจไซเบอร์ คิดว่ามันจะต้องมีขั้นตอนก่อนมาถึงการพูดคุยโทรศัพท์ อาทิ การหลอกให้กดลิงก์ หรือติดตั้งแอปสำหรับควบคุมระยะไกล ส่วนการที่ใช้เสียงในการยืนยันตัวตนด้วยเสียงนี้ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการผ่านธนาคาร ซึ่งไม่ใช่ทุกธนาคารที่ใช้การยืนยันตัวตนด้วยเสียง อย่างไรก็ตาม ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนกกับเรื่องนี้ ตนได้ตรวจสอบจาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังไม่มีใครมาแจ้งความเกี่ยวกับคดีลักษณะนี้ ส่วนเรื่องการค้ามนุษย์ตนจะจัดการประสานงานช่วยคนที่เหลือที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านให้ 
 
ติดตาม  รายการ "ถกไม่เถียง"  ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 
 


ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/cH2YmRjbj3Y?feature=shared