เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มี 2 ชายหนุ่ม เดินทางไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ถูกชายอ้างเป็นตำรวจกองปราบบุกค้นบ้าน ยัดยาเสพติด บังคับหาเงินแสนมาไถ่ตัว เรื่องนี้ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ต้องติดตาม เพราะผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง แต่ตำรวจยืนยันว่าไม่ใช่
นายเอ อายุ 23 ปี และ นายบี อายุ 24 ปี (นามสมมุติ) เดินทางเข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือ ก่อน นายเอกภพ จะพาเข้าแจ้งความกับผู้กำกับ สน.สายไหม
ทั้งคู่เล่าว่า วันเกิดเหตุช่วงเย็น วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลา 17.30 น. นายบี เดินทางไปเก็บค่าเช่าบ้านจาก นายเอ จู่ ๆ มีชายฉกรรจ์ 4 คน บุกมาที่บ้าน ตอนแรกผู้ก่อเหตุมีแค่ 3 คน เข้ามาคุยกับ นายบี ที่หน้าบ้าน ก่อนจะพยายามดันตัว นายบี เข้ามา บอกว่า เงียบ ๆ ไว้ คุยกันก่อน ก่อนจะปิดหน้าต่างและประตู ก่อนพา นายบี ขึ้นไปหา นายเอ ข้างบน นายบี บอกว่าคนเหล่านี้คุยกันเองในลักษณะเป็นตำรวจ บอกว่ามาเฝ้า นายเอ นาน 3 เดือนแล้ว ทั้งที่ นายเอ เพิ่งมาเช่าบ้านยายของตนอยู่แค่ 1 เดือน เมื่อเจอ นายเอ กลุ่มคนเหล่านี้ก็สั่งให้นั่งลง ไม่ยอมตอบเรื่องหมายค้น ซึ่งเมื่อไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายก็พา นายเอ ลงไปข้างล่าง ถาม นายเอ ว่ามีอะไรจะสารภาพหรือไม่ นายเอ บอกว่าไม่มี คนกลุ่มนี้ก็อ้างว่าจะนำกำลังมาค้น ก่อนจะโทรหาตัวละครอีกตัว คือ ผู้กอง ให้เข้ามา จึงมีคลิปชายเสื้อแดงที่อ้างว่าเป็นตำรวจยศผู้กองเข้ามาในบ้าน บอกผู้เสียหายว่าจะพาไปยืนยันความบริสุทธิ์ใจที่ สน. ก่อนพาขึ้นรถเก๋งสีขาว ไปขับวน ระหว่างนั้นบังคับให้โทรหาญาติ และเอาสิ่งคล้ายยาเสพติดเม็ดสีเหลืองและเกล็ดมาวางที่ตัก แล้วถ่ายรูป บังคับให้ นายเอ ชี้และยอมรับว่าเป็นของตน แต่ นายเอ ไม่ยอมรับจึงโดนตบปากและขู่ว่าจะเอาตัวไปที่ สน. ก่อนจะทำการรีดเงิน 1 แสนบาท แลกกับการไม่ติดคุก แต่ไม่มีให้
สุดท้ายชายฉกรรจ์ค้นตัวเจอเงินในกระเป๋า 5,200 บาท เอาไป 5,000 บาท ให้ตนแอดไลน์ และคืนมาให้ 200 บาท เป็นค่ารถกลับบ้าน บอกให้ไปหาเงินมาให้ แล้วเอาตนมาปล่อยที่ซอยรามอินทรา 46 ประมาณ เกือบ 21.00 น. พร้อมคำขู่ว่าอย่าคิดหนี ถึงจะหนีก็สามารถตามได้ กลับถึงบ้านแล้ว ช่วงดึก ชายเสื้อเหลืองยังทักไลน์มาถามว่าสรุปจะเอาอย่างไร ด้วยความกลัวจึงเข้าปรึกษากับ นายเอกภพ นำไปสู่การเข้าแจ้งความที่ สน.สายไหม
นายเอ เล่าในรายการ คดีนี้ผู้เสียหายค่อนข้างเชื่อว่าผู้ลงมือก่อเหตุน่าจะเป็นตำรวจจริง ทำให้เมื่อวานนี้ ทางรายการ ถกไม่เถียง วีคเอนด์ เชิญผู้เสียหายมาร่วมรายการ พร้อมกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ รวมถึง นายกองตรี ดร.ธนฤต จิตรอารีรัตย์ ผู้ช่วย รมต.ประจำรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน
นายเอ ผู้เสียหายเล่าว่า ชายฉกรรจ์มุ่งเป้ามาที่ตน ซึ่งเจ้าตัวก็มีอาการงง ๆ ว่าทำอะไรผิด เมื่อค้นในห้องไม่เจออะไร ผู้กอง ก็โผล่เข้ามา
ชายเสื้อเหลืองที่อยู่ในคลิปชายเสื้อแดง (วงกลม) เบลอหน้า ผู้เสียหายยังเล่าวินาทีถูกนำตัวขึ้นรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับรถวนไปมา ก่อนจะจอดที่ลานจอดรถเก่าใกล้ไทยรัฐ ก่อนที่ชายฉกรรจ์สองคนจะลงจากรถไปยืนคุมเชิงข้างนอก ส่วนชายเสื้อเหลือง อีกคนนั่งอยู่ในรถ แล้วหยิบยาออกมา
เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมรับว่ายาเสพติดเป็นของตนเอง จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการรีดเงิน ที่น่าสนใจคือ เมื่อแม่ผู้เสียหายบอกว่าไม่มีเงิน ให้นำตัวไป สน.เลย คนกลุ่มนี้ก็ไม่ยอม และเมื่อแฟนสาวบอกว่าจะนำเงินสดไปให้ที่ สน.ชายกลุ่มนี้ก็ไม่รับเงินสดเช่นกัน จะให้เอาเงินใส่บัญชีมาเพื่อให้กดเงินสดมาให้อีกที จะเห็นว่าการเจรจาต่อรองมีลักษณะเป็นมืออาชีพและรอบคอบ หรือตอนปล่อยตัวมา ยังสั่งให้ผู้เสียหายไปหาเงินและทำงานให้ตนเองด้วย
ในขณะที่ ทางรายการ ถกไม่เถียง ได้โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าทางคดีกับผู้กำกับ สน.สายไหม ก็ยืนยันว่าขณะนี้จับผู้ก่อเหตุได้แล้ว 1 คน ซึ่ง 1 คนนี้มีพฤติกรรมตรงกับแผนประทุษกรรมเดิม ส่วนที่เหลือยังจับกุมไม่ได้ จึงยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุมาก่อนหรือไม่
ด้าน นายกองตรี ดร.ธนกฤต ระบุว่า เบื้องต้น ถ้าไม่ใช่ตำรวจ จะโดนข้อหาบุกรุก-ปล้นทรัพย์ ติดคุกสูงสุด 15 ปี หน่วงเหนี่ยวกักขัง พกพาอาวุธปืน ทำร้ายร่างกาย ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะโดนโทษเพิ่มไปอีก ซึ่งอาจเคยเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด ถึงรู้วิธีการและรู้กลุ่มเป้าหมาย จึงฝากผู้กำกับส่งสายตรวจคอยดูแลผู้เสียหายด้วย และหากเจอกรณีเช่นนี้ก็มีวิธีรับมือ
และล่าสุดเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน ไม่ได้เป็นตำรวจจริง และต่อให้เป็นตำรวจจริง ตนก็จะดำเนินการให้เต็มที่ พร้อมให้ความเชื่อมั่นกับผู้เสียหายว่าสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน ได้อย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจสอบสวนกลางได้มีการประสานข้อมูลกับตำรวจ สน.สายไหม แล้ว และชุดสืบสวนมีข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35