แม่ร้องขอความช่วยเหลือจากรายการ ถกไม่เถียง ว่า ลูกชายถูกตำรวจจับ ระหว่างคุมตัวมีตำรวจ ยึดโทรศัพท์ของลูกชายไปกดเงิน 5,000 บาท ตำรวจแจงไม่ได้ทำแต่พร้อมเคลียร์ให้จะได้จบปัญหา ด้านแม่ไม่ยอมเคลียร์ลุยเดี่ยวหาหลักฐานเพิ่มเพื่อเอาผิดตำรวจ
วันที่ 10 ก.พ. 67 คุณณัฐสุดา มีศิลป์ (แหม่ม) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ก่อนที่ลูกจะโดนจับ ปกติลูกจะมาช่วยตนขายของ ในวันที่ 8 เมษายน 65 ลูกไม่ได้มาช่วยขายของบอกว่าไปทำธุระ ผ่านไป 2 วัน พบว่าลูกโดนจับคดียาเสพติด จึงไปตามหาที่โรงพักแต่ไม่พบตัวลูก ต้องไปตามหาที่เรือนจำ เจอรายชื่อลูกชายแต่เข้าเยี่ยมไม่ได้ ต้องรอ 10-12 วัน เมื่อเข้าไปเยี่ยมลูกเล่าให้ฟังว่าตำรวจยึดโทรศัพท์มือถือและขอรหัสแอปพลิเคชันธนาคารไปด้วย ลูกบอกว่า "ไม่แน่ใจว่าเงินยังอยู่ไหม"
จึงเข้าไปหาตำรวจผู้กองชุดจับกุมเพื่อรับโทรศัพท์มือถือของลูกคืน เมื่อได้รับมือถือคืนตนพยายามเข้าแอปพลิเคชันธนาคารเพื่อตรวจสอบเงินของลูกว่ายังอยู่หรือไม่ แต่ตำรวจกลับเรียกออกมาคุยนอกโรงพัก อ้างว่าลูกชายตนเคลียร์กับตำรวจแล้วให้เงินในบัญชี 5,000 บาท แต่เมื่อไปถามลูก ลูกปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ตำรวจใช้เงินในแอปพลิเคชันธนาคาร ทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่าลูกเป็นคนมอบเงินให้ตำรวจ ตัดสินใจต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ลูกชาย แต่ลูกชายค้านว่าจะไปสู้กับตำรวจทำไมเขามีอิทธิพล ตำรวจคนนี้มีนิ้ว (สายลับ) เยอะ
สาเหตุที่ตัดสินใจหาความจริงร้องกับรายการถกไม่เถียง เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับใครอีก และเชื่อว่าผู้กองชุดจับกุมคนนี้เป็นคนแอบกดเงินของลูกชายไปอย่างแน่นอน หลังจากนั้นได้กลับไปคุยกับผู้กองคนดังกล่าว โดยแจ้งเจตนาว่าต้องการหาความจริง โดยไปติดต่อกับธนาคาร แต่ผู้กองยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินไปแต่จะขอรับผิดชอบเงินก้อนนี้เอง แต่ตนไม่รับเงินก้อนนี้ เพราะต้องการรู้ความจริงว่าใครเอาเงินลูกชายไป
จากนั้นรายการถกไม่เถียงติดต่อมา แนะนำวิธีการหาหลักฐาน สุดท้ายแม่ได้หลักฐานเป็น Statement ยืนยันว่ามีเงินออกจากบัญชีลูกชาย 5,000 บาทจริง ในวันที่ 9 เมษายน 65 ซึ่งเป็นวันที่ระหว่างที่ลูกชายโดนจับ จากหลักฐานยังพบอีกว่าเงินถูกถอนจากตู้ ATM ใกล้กับโรงพัก ตนเพียงแค่ต้องการขอความยุติธรรม และกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองที่ตัดสินใจสู้กับตำรวจ เนื่องจากหลังจากเกิดเรื่องแล้วตัดสินใจมาออกรายการถกไม่เถียง ตำรวจโทรมาหาตนตลอดเพื่อขอเจรจา
ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม วิเคราะห์ในมุมกฎหมายว่า ปกติคนที่ถูกจับเข้าห้องขังจะไม่สามารถนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปได้ จากหลักฐานการถอนเงินคือช่วงเวลาระหว่างจับกุมตัวลูกชายของคุณแหม่ม เชื่อว่าโอกาสที่เงินจะอยู่กับตำรวจมีสูงมาก หลักฐานเพิ่มเติมสามารถไปดูจากกล้องวงจรปิดของตู้ ATM ถ้าหากตำรวจแอบกดเงินไปจริง จะมีโทษตามมาตรา 157, ข้อหาลักทรัพย์ และข้อหาเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ เชื่อว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่นิ่งเฉยกับกรณีนี้ โดยทางทีมงานจะส่งหลักฐานให้กับต้นสังกัดของตำรวจคนดังกล่าวที่แม่เชื่อว่าแอบกดเงินของลูกชาย เพื่อสืบหาความข้อเท็จจริงต่อไป
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง Weekend” ดำเนินรายการโดย "ทิน โชคกมลกิจ" ทุกวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม