จากเหตุการณ์ที่ตำรวจหญิง ซึ่งเป็นพี่สาวของอาร์มปืนโหดผู้ก่อเหตุ มาตะโกนสั่งล้มการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตกังวลเรื่องความยุติธรรม แถมทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยในองค์กรตำรวจมากขึ้นกว่าเดิม
วันที่ 8 ก.พ. 67 คุณหญิง พี่สาวผู้เสียชีวิต ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า มูลเหตุของการสังหารครั้งนี้เท่าที่ครอบครัวทราบ อาร์มผู้ก่อเหตุกับสุทัศน์น้องชายเคยชอบผู้หญิงคนเดียวกัน จนเกิดเป็นการวิวาทกันหลายครั้ง น้องชายตนเคยถูกอาร์มไล่ยิงมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ครั้งนั้นครอบครัวไม่ได้เอาเรื่องและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีก เพราะเรื่องเกิดขึ้นนานแล้วกว่า 10 ปี ต่างคนต่างอยู่และแยกย้ายกันไปมีครอบครัว โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่ที่ผ่านมาอาร์มตามราวีน้องชายมาตลอด
คุณผึ้ง ตนไม่เคยรู้จักอาร์มมาก่อน เนื่องจากสามีรู้ว่าตนเป็นคนคิดมาก จึงไม่เคยเล่าเรื่องราวที่ถูกอาร์มยิงหรือตามราวีมาตลอด 10 ปี ส่วนใหญ่สามีจะไปคุยกับครอบครัวมากกว่า เพราะไม่อยากให้ตนวิตกกังวล จนสุดท้ายมาเกิดเหตุสลดขึ้น คุณหญิงเล่าต่อถึงช่วยระหว่างการทำแผนว่า อยู่ดี ๆ ตำรวจก็ยกเลิกการทำแผน ทั้งที่เตรียมสถานที่พร้อมแล้ว มารู้ภายหลังว่าเกิดจากตำรวจหญิงที่เป็นพี่สาวผู้ก่อเหตุมาแนะนำให้ไปให้การในชั้นศาล จึงกังวลว่าครอบครัวของตนจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แทนที่จะสบายใจที่คนร้ายถูกจับได้ กลับต้องมากังวลว่าครอบครัวจะปลอดภัยหรือไม่
คุณกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (กัน จอมพลัง) เล่าว่า จากเหตุการณ์ที่ตำรวจหญิงพี่สาวของผู้ก่อเหตุ มาตะโกนแนะนำน้องชาย ทำให้สังคมและครอบครัวผู้เสียชีวิตรู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม แถมยังไม่เคยมีคำขอโทษออกมาจากปากตำรวจหญิงคนนี้แม้แต่คำเดียว แต่กลับไปช่วยน้องชายตัวเองที่เป็นผู้ต้องหา เกิดคำถามมากมายว่าเป็นตำรวจทำเพื่อประชาชนหรือทำเพื่อครอบครัวตัวเอง นอกจากนี้พฤติกรรมดังกล่าวยังเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติตำรวจคนอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความเห็นว่า จากเหตุการณ์ที่มีตำรวจหญิงมาแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นพี่สาวของผู้ต้องหา แต่ก็ยังเป็นตำรวจด้วยจึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ ถ้าจะให้คำแนะนำน้องชายควรเลือกวิธีที่ดีกว่านี้ ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าผิดวินัยตำรวจข้อใดบ้าง ถ้าหากมีความผิดจริง โทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ ส่วนการปฏิเสธทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เป็นสิทธิ์ทั่วไปตามกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำแผนฯ ก็ยังมีพยานหลักฐานอื่นที่สามารถเอาผิดได้ จากกรณีนี้คาดว่าผู้ก่อเหตุตัดสินใจกลับลำไม่ทำแผนฯ เนื่องจากเชื่อคำพูดของพี่สาว
คุณเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เผยถึงความคืบหน้าของการช่วยเหลือเยียวยา ทางจังหวัดอนุมัติเงินเยียวยาแล้ว 150,000 บาท จากนี้จะเร่งดำเนินการนำเงินเข้าบัญชีครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนเรื่องความปลอดภัย ถ้าหากกังวลว่าไม่ปลอดภัยสามารถมายื่นร้องขอคุ้มครองพยานกับกรมคุ้มครองสิทธิ์ได้ พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ เสริมว่า ขณะนี้ได้ประสานงานให้ตำรวจในพื้นที่คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว
คุณดาราวรรณ ขันติวงษ์ ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวี (โดนัท) เล่าว่า สาเหตุของเหตุการณ์ที่ตำรวจหญิงพี่สาวของผู้ก่อเหตุเข้ามาต่อว่าตนขณะลงพื้นที่ทำข่าว ตอนนั้นตนเข้าไปพูดคุยกับแม่ของผู้ก่อเหตุที่โรงพัก แม่มีท่าทางไม่อยากพูดคุย และบอกว่าข่าวที่ออกไปไม่เป็นความจริงขอให้แก้ข่าวให้ด้วย จึงอยากให้แม่อธิบายเพื่อนำไปเสนออีกด้าน แต่คุยได้ไม่นานพี่สาวผู้ก่อเหตุเดินมาด้วยอารมณ์โมโหห้ามให้คุยกับแม่ ขอดูบัตรนักข่าว และสั่งให้นั่งลง ตอนนั้นไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจ แต่ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ภายหลังรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจจึงรู้สึกกลัวและได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อความปลอดภัย แต่เหตุการณ์นี้จบลงด้วยดี เนื่องจากมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่มาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย
ติดตาม รายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม