ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เรืองไกร ยื่น กกต.ขอยุบพรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ในการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่งยุติการกระทำนั้น
ล่าสุด เช้าวันนี้ (1 ก.พ.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีส้ม และเสื้อแจ็กเกตสีดำทับ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยุบพรรคก้าวไกล โดยอ้างอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่านโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จึงถือว่าเข้าเงื่อนไขตามมาตรา 92 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำวินิจฉัยดังกล่าว จะส่งผลต่อพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่เคยหาเสียงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า หากมีน้ำหนักเพียงพอ จะยื่นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เคยใช้ประเด็นนี้หาเสียงเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่นั้น นางสาวทานตะวัน หรือตะวัน และนางสาวอรวรรณ หรือแบม กลุ่มทะลุวัง เดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยใช้เชือกพันธนาการที่ข้อมือ และลำคอ พร้อมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยคำวินิจฉัยของศาลเมื่อวานนี้
วันเดียวกัน นายธีรยุทธ สุววรรณเกษร ในฐานะผู้ร้องให้มีการวินิจฉัยนโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เดินทางยื่นคำร้องให้ กกต.พิจารณาตามขั้นตอน โดย นายธีรยุทธ เปิดเผยว่า หลังจากศึกษาคำวินิจฉัยของศาล กรณีชี้ขาดพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครองแล้ว ส่วนตัวในฐานะผู้ร้อง ถือว่ามีความผูกพันตามคำวินิจฉัย จึงต้องดำเนินการต่อเนื่องให้ครบถ้วน ตามสิทธิที่พึงมีของรัฐธรรมนูญ
เบื้องต้นจัดทำคำร้อง 11 แผ่น ถอดเทป 11 แผ่น และเอกสารประกอบอีก 116 แผ่น เพื่อบังคับการกับพรรคก้าวไกล ให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาล และให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2562 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง
โดยบัญญัติว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง โดยวงเล็บ (1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาล ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคก้าวไกล
นอกจากนี้ นายธีรยุทธ ยืนยันว่า ไม่มีความกังวลใจว่าจะเกิดความขัดแย้งตามมา เพราะคำวินิจฉัยศาล ถือเป็นการวางบรรทัดฐานการเมืองการปกครองของไทย และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐาน แต่หากกระทบกระทั่งกัน ถือเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเห็นนักวิชาการบางคน มองว่าคำวินิจฉัยศาล สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้อีก นายธีรยุทธ ตอบว่า อยากให้กลับไปฟังคำวินิจฉัยหลาย ๆ รอบ เพราะบรรทัดสุดท้ายก่อนจะจบ มีการวินิจฉัยว่า ไม่ได้ปิดประตู แต่การจะแก้ไข ต้องเป็นไปตามครรลองนิติบัญญัติโดยชอบ ซึ่งคำว่านิติบัญญัติโดยชอบ ต้องเป็นฉันทามติ แต่คนที่คิดจะแก้ไขมาตรา 112 นั้น ศาลท่านวินิจฉัยชัดเจนอยู่ว่า มีเจตนาซ่อนเร้น ซึ่งประชาชนโดยทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบถึง
ส่วนวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ.) เวลา 10.00 น. จะยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบและเอาผิดจริยธรรมพรรคก้าวไกล และ สส.พรรค 44 คน ที่ร่วมเสนอชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยเชื่อว่าจะเหมือนกรณี นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ใช้เวลาในการพิจารณาไม่นาน
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35