logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ชาวบ้านพบศพริมป่า ผวาหนัก ! ถูกตำรวจรวบทั้งครอบครัว | เบื้องหลังข่าว กับ กาย สวิตต์

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พ่อกับลูกพาวัวเดินออกกำลังกายและกินหญ้าในตอนเช้า ระหว่างทางพบศพอยู่ในร่องน้ำ รีบกลับมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

328 ครั้ง
|
01 ก.พ. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พ่อกับลูกพาวัวเดินออกกำลังกายและกินหญ้าในตอนเช้า ระหว่างทางพบศพอยู่ในร่องน้ำ รีบกลับมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านไป ตำรวจเข้ามาคุมพ่อ-ลูกและครอบครัวทั้ง 12 คน ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันฆ่าคนที่พบศพในร่องน้ำ ผู้ต้องหาครอบครัวนี้ ยืนยันว่าตนเองไม่ใช้ผู้ก่อเหตุ ตนเองถูกใส่ร้าย
 
เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นางสาวสุจิตรา สิกขาจารย์ อายุ 49 ปี กับนายสมพร ครูอ้น อายุ  50 ปี 2 สามีภรรยา ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ เดินทางมาพบกับนายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ใครเข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้
 
นายสมพร ครูอ้น เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ช่วง 08.00 น. ตนเองกับนายวุฒิพงศ์ ครูอ้น 18 ปี พาวัวไปเดินออกกำลังกายกาย กินหญ้าตามป่าข้างทาง ห่างจากบ้าน ระหว่างทางซึ่ง ประมาณ 1 กิโล ได้ไปเจอศพผู้ชายนอนตะแคงอยู่ในคูน้ำ ตอนนั้นตนไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะเห็นเพียงครึ่งใบหน้าจึงรีบเดินกลับบ้านเพื่อจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางเดินกลับบ้านไปเจอผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพอดี ตนจึงเล่าเรื่องราวที่ไปเจอมาให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฟัง และตนเองได้ให้ลูกจุงวัวกลับบ้านไปก่อน จากนั้นตนได้ย้อนกลับไปดูศพคนตายกับเพื่อนบ้านที่ชื่อปื๊ด พอตนไปถึงจุดที่พบศพอีกรอบ พวกผู้ใหญ่บ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึงติด ๆ กัน จากนั้นตนเองก็อยู่ดูเจ้าหน้าที่นำศพขึ้นมาจนเวลาประมาณบ่าย 2 ตอน ตนถึงรู้ว่าคนตายคือคนแถวบ้านที่ตนรู้จัก ตนจึงกลับบ้านไปพักผ่อน
 
พอมาช่วงเย็น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน มาเชิญตัวให้ไปสอบปากคำที่โรงพัก หลังสอบปากคำเสร็จตนเองก็เดินทางกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำอีกครั้ง แล้วก็ปล่อยกลับบ้านมาตามเคย
 
ต่อมาวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ได้มีตำรวจได้โทรมาหา บอกให้เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักหน่อย แต่วันนั้นตนเองขับรถมาทำงานที่กรุงเทพ จึงตอบปฏิเสธไปว่าไปไม่ได้ พอมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ตนเองได้โทรศัพท์ไปบอกกับตำรวจว่า ตนกลับมาบ้านที่ตรังแล้ว จากนั้นวันรุ่งขึ้นวันที่ 24 ตำรวจเข้ามาจับคนไปทั้งบ้านไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองตรัง มีผู้ใหญ่ 7 คน เด็ก 4 ขวบ 1 คน เด็ก 5 ขวบ 2 คน เด็ก 3 ขวบ 1 คน และเด็ก 7 เดือนอีก 1 คน รวมทั้งหมดเป็น 12 คน โดยแยกกันสอบคนละห้อง และเอาเด็ก 4 ขวบกับเด็ก 5 ขวบ ไปแยกสอบเพียงลำพังด้วย
 
นางสาวสุจิตรา สิกขาจารย์ กล่าวว่า หลังถูกตำรวจจับไปสอบปากคำ เมื่อช่วงเที่ยง ตำรวจได้บอกกับตนเองว่า รู้แล้วว่าใครฆ่าผู้ตาย คนฆ่าผู้ตายคือลูกเขยของตนที่ชื่อว่า นายเกรียงศักดิ์ โดยตำรวจบอกสาเหตุว่า ลูกสาวตนเองคือนางสาวทิพย์จันทร์ทา ไปแอบคบชู้กับผู้ตาย ทำให้ลูกเขยตนเองโมโห ไปฆ่าผู้ตาย และนำรถกระบะใส่ศพไปทิ้งในป่า ตนจึงบอกตำรวจไปว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกสาวตนเองกับลูกเขยก็นอนอยู่บ้านทั้งคืนในวันเกิดเหตุ แถมกุญแจรถยนต์ก็อยู่กับสามีตนตลอด จะขับออกไปได้อย่างไร ตำรวจจึงออกจากห้องไป จากนั้นตอนเย็นตำรวจเข้ามาสอบปากคำตนอีก และได้บอกว่าสามีตนเองกับลูกตนเองยอมรับแล้วว่าเป็นคนฆ่าผู้ตาย โดยเล่าเรื่องประมาณว่า ผู้ตายไปทำไก่ที่บ้านขาหัก นายวุฒิพงศ์ ลูกชายตนเองจึงโมโห จนมีเรื่องมีราวกับผู้ตายในห้องครัว จากนั้นนายสมพร ได้เอามีดมาปาดคอผู้ตาย และแทงไปที่ลำตัวหลายแผล และบอกว่าตนเองเป็นกับนางสาวทิพย์จันทร์ทา ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปในห้องครัว จากนั้นนายศุภกร เยาดำ กับนางสาวอรัญญา ครูอ้น และนางสาวทิพย์จันทร์ทา ครูอ้น และหลานวัย 5 ขวบกับ 4 ขวบ ช่วยกันเอาศพขึ้นรถ จักรยานยนต์พ่วงข้าง นำศพไปทิ้งที่ป่า และพยายามบังคับว่าให้ตนบอกว่า เห็นว่าสามีกับลูกฆ่าผู้ตาย เพื่อจะได้ปล่อยตัวไป แต่ตนไม่ทำตาม จึงถูกตำรวจคุมขัง และทำการส่งไปเรือนจำ
 
นางสาวสุจิตรา เล่าต่ออีกว่า ตอนนี้ครอบครัวถูกจับดำเนินคดีทั้งหมด 6 คน ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น คือ นางสาวสุจิตรา สิกขาจารย์ แม่ อายุ 49 ปี, นายสมพร ครูอ้น พ่อ อายุ 50 ปี, นายวุฒิพงศ์ ครูอ้น ลูกชายคนเล็ก อายุ 18 ปี, นางสาวอรัญญา ครูอ้น ลูกสาวคนกลาง อายุ 28 ปี, นางสาวทิพย์จันทร์ทา ครูอ้น ลูกสาวคนโต 29 ปี
 
ส่วน นายเกรียงศักดิ์ ที่ตำรวจกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าเพราะความหึงหวง ตำรวจได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ดำเนินคดีอะไร ตอนนี้นายเกรียงศักดิ์ที่เป็นลูกเขยตนเอง ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเขาแล้ว โดยตนเองติดต่อไม่ได้อีกเลย ไม่รู้ว่าวันที่ได้ปล่อยตัวไปพูดอะไรกับตำรวจ
 
ตอนนี้ตนเองต้องขายวัวที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อนำเงินมาประกันตัวคนในครอบครัว แต่ก็ประกันตัวได้แค่ 3 คนเท่านั้น คือตนเองกับสามีและลูกชาย ตอนนี้ลูกสาวสองคนก็ได้แต่ภาวนาให้แม่ช่วยประกันตัวให้เร็วที่สุด เพราะลูกสาวรับไม่ได้กับเรื่องที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น แต่ต้องมาติดคุกอยู่ในเรือนจำ อีกทั้งตอนนี้หลานตนวัย 5 ขวบ ที่ถูกตำรวจสอบปากคำ ต้องผวาทุกครั้งที่เจอตำรวจ กลายเป็นเด็กกลัวตำรวจไปเลย ตนเองตั้งข้อสังเกตอีกอย่าง หลานตนเองวัย 5 ขวบที่ถูกสอบปากคำ มีเงินกลับมาจากโรงพัก 240 บาท เด็กบอกว่าตำรวจเป็นคนให้
 
ทางด้านนายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหม ต้องรอด กล่าวว่า หลังจากนี้จะ ประสานกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอกองทุนในการประกันตัวโทรหาที่เหลือ และหารือในแนวทางการต่อสู้คดี หากพบว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตำรวจชุดจับกุมต้องรับผิดชอบ รวมถึงจะตรวจสอบการที่ตำรวจนำเด็กวัย 5 ขวบกับวัย 4 ขวบ ไปสอบปากคำโดยมีผู้ปกครองและสหวิชาชีพร่วมสอบด้วยหรือเปล่า หากไม่มีถือว่าเป็นความผิด
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
ชมผ่าน YouTube https://youtu.be/rR3FJiAHKW8?feature=shared

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง