ศาลฯ วินิจฉัย นโยบายหาเสียง “ก้าวไกล” เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

445 ครั้ง

31 ม.ค. 2567

แชร์ข่าวไปที่

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นโยบายหาเสียงแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง พร้อมสั่งให้เลิกการกระทำ

เป็นประเด็นที่คอการเมืองเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากนายธีรยุทธ อดีตทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และดำเนินการต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องไว้พิจารณาเมื่อเดือนมิถุนายน 2566

ล่าสุด เช้าวันนี้ (31 ม.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มประชุมปรึกษาหารือ ลงมติ และจัดทำคำวินิจฉัยในคดี จากนั้นเวลา 14.15 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ของนายพิธา และพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 และใช้การแก้ไขมาตราดังลก่าว รณรงค์หาเสียงเป็นนโยบายพรรค เป็นการกระทำที่ล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดยมาตรา 112 แม้เป็นประมวลกฎหมายอาญา แต่มีศักดิ์ทางกฎหมายเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐ การแก้ไขเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ และการกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงต่อรัฐด้วย ที่มีจุดมุ่งหมายต้องการให้ไม่มีความสำคัญ และไม่ให้ถือว่าเป็นความผิดต่อความมั่นคง มุ่งหมายแยกสถาบันฯ และความเป็นชาติไทยออกจากกัน

นอกจากนี้การที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 ในการหาเสียง เป็นการใช้นโยบายทางการเมือง เป็นการดึงสถาบันฯ ลงมา หวังผลชนะการเลือกตั้ง ทำให้สถาบันฯ เป็นคู่ขัดแย้ง กลายเป็นฝ่ายรณรงค์ทางการเมือง ไม่คำนึงหลักการสำคัญในการปกครอง ที่สถาบันฯ อยู่เหนือการเมือง เป็นกลางทางการเมือง โดยการเสนอแก้ไขมาตรา 112 มีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันฯ ให้เสื่อมทรามลง

โดยการใช้เสรีภาพ ต้องไม่ขัดศีลธรรมอันดี ไม่กระทบความมั่นคงปลอดภัยของชาติ เมื่อฟังได้ว่ามีการเรียกร้องให้ทำลายการปกครองประชาธิปไตย ที่มีพระหากษัตริย์เป็นประมุข ผ่านการซ่อนเร้นการแก้ไขมาตรา 112 หากปล่อยให้กระทำการดังกล่าวต่อไป ย่อมไม่ไกลเกินเหตุที่จะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงวินิจฉัยว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง เลิกกระทำ การพูด การเขียน การแสดงออกวิธีอื่นให้ยกเลิกมาตรา 112 และไม่ให้แก้ไขมาตรา 112 ที่ไม่ใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35