ลูกจ้างร้องสายไหมต้องรอด ถูกนายจ้างแอบเอาบัตรประชาชนไปเปิดบริษัท โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเป็นแค่พนักงานล้างรถ แต่ได้หมายศาลว่าเป็นเจ้าของบริษัทที่มีคดีเลี่ยงภาษี ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกว่า 200 ล้านบาท
วันที่ 30 ม.ค. 67 คุณคำเอี่ยม โพธิวัฒน์ (แจ็ค) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า ตนเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ กับนายจ้างคนนี้ ตั้งแต่ปี 2548 ในตำแหน่งพนักงานล้างรถ ช่วงปี 2550 นายจ้างมาขอสำเนาบัตรประชาชน อ้างว่านำไปเปิดบัญชีรับเงินเดือน แต่หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้บัญชีรับเงินเดือน และได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดมาตลอด ตนไม่เอะใจเนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องนี้ จนถึงปี 2560 ถูกหมายเรียก แจ้งว่าตนเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง แต่นายจ้างบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ จึงเข้าไปแสดงตัวแล้วปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าของบริษัทดังกล่าว
ด้วยความที่ไม่มีความรู้จึงทำตามขั้นตอนที่ทนายของนายจ้างบอก คดีแรกตนรับสารภาพโดนโทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี และเสียค่าปรับ 20,000 บาท โดยนายจ้างจ่ายเงินให้ แต่หลังจากนั้นหลายปีมีหมายเรียกมาอีกว่าตนเป็นเจ้าของอีกบริษัทหนึ่งมีความผิดเลี่ยงภาษี แต่นายจ้างบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ และทำตามกระบวนการเหมือนเดิมทุกอย่าง รวมแล้วโดนข้อหาไปกว่า 6 คดี มูลค่าภาษีย้อนหลังที่เรียกเก็บกว่า 200 ล้านบาท ยืนยันว่าลายเซ็นของตนไม่ตรงกับเอกสารจดทะเบียนบริษัท ตัดสินใจออกมาร้องสื่อ เนื่องจากนายจ้างมาเจรจาบอกว่ารับผิดชอบไม่ไหว บังคับให้หลบหนี จึงทนไม่ไหวมาร้องสายไหมต้องรอดเพื่อขอความช่วยเหลือ
คุณนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เล่าว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากคุณแจ็ค และได้เห็นเอกสารหลักฐานแล้ว ได้ลองให้คุณแจ็คเซ็นลายเซ็นตามหลักฐานแล้วไม่สามารถทำได้ และได้พบว่านอกจากชื่อคุณแจ็คยังมีชื่อของแม่บ้านอีก 2 คน เป็นกรรมการบริษัทที่เลี่ยงภาษี จึงเกิดข้อสงสัยว่านายจ้างมีเจตนาอะไร ถึงมาใช้ชื่อของลูกจ้างมาจัดตั้งบริษัทที่ทำความผิด แล้วต้องมารับโทษร่วมกับตัวเอง ยืนยันว่านายจ้างคนนี้จะต้องทารับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ ด้านทีมงาน ถกไม่เถียง ได้โทรไปสอบถามไปยังนายจ้าง ได้รับคำตอบเพียงแค่ "สิ่งที่นายแจ็คพูดไม่เป็นความจริง" แล้วก็ตัดสายไป ทีมงานสืบค้นต่อพบว่า บริษัทดังกล่าวเคยมีข่าวว่าเลี่ยงภาษีนำเข้ารถหรูจริง
นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ในเบื้องต้นต้องสืบหาความจริงว่าระยะแรกที่จดทะเบียนบริษัทเป็นชื่อของใคร อาจจะเป็นชื่อของคนอื่นแล้วนำมาเปลี่ยนเป็นของคุณแจ็ค หลักฐานสำคัญคือลายเซ็นของผู้เสียหาย สามารถนำไปตรวจสอบที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ จากนั้นสามารถไปยื่นคำร้องที่ DSI ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้
ดร. ธนกฤต แนะนำให้ไปยื่นคำร้องกับกองทุนยุติธรรมเพื่อขอเงินช่วยเหลือและทนาย เพื่อช่วยดำเนินการในคดีนี้ ย้ำว่าอย่าไปหลงเชื่อทนายของนายจ้างที่ให้รับสารภาพในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการวางแผนหาแพะมาตั้งแต่ต้น ในกรณีนี้แตงต่างจากบัญชีม้า เนื่องจากผู้เสียหายไม่เคยได้รับสิ่งตอบแทน แล้วต้องมารับความเดือดร้อนทั้งที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง ยืนยันพร้อมที่จะประสานงานช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ติดตาม รายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม