logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

หาบัญชีม้าแบบใหม่ ! หลอกเหยื่อไปทำงาน ก่อนขังยึดบัญชีไป | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ข่าวนี้มาเตือนภัย ! มิจฉาชีพหาบัญชีม้าแบบใหม่ หลอกเหยื่อไปทำงานขายออนไลน์ต่างแดน ก่อนขังตัวไว้ เอาบัญ ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

334 ครั้ง
|
29 ม.ค. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ข่าวนี้มาเตือนภัย ! มิจฉาชีพหาบัญชีม้าแบบใหม่ หลอกเหยื่อไปทำงานขายออนไลน์ต่างแดน ก่อนขังตัวไว้ เอาบัญชีไปหลอกรับโอนเงิน และหลังมิจฉาชีพได้เงินจนพอใจ จึงปล่อยเหยื่อกลับไทย สุดท้ายกลับไทยได้ไม่กี่วัน โดนหมายเรียก
 
กลุ่มผู้เสียหาย ได้แก่ นางสาวอุษา อายุ 31 ปี ชาวบ้านอำเภอกุยบุรี พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ อายุ 29 ปี สามี และผู้เสียหายอีก 4 ราย ได้เข้าพบผู้สื่อข่าวหลังกลุ่มของตนเอง ได้รับความเสียหายจากการถูกหลอกลวงให้ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน
 
โดย นางสาวอุษา เล่าว่า วันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ตนเองได้รับการติดต่อจาก นางสาวตุ้ง ที่รู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี มาบอกว่า มีงานขายของออนไลน์ให้ทำ แต่ต้องไปทำที่ชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งจะได้ค่าตอบแทน 30,000 บาท ตนเองและสามีก็สนใจ จึงตอบตกลง เพราะไม่ใช่ที่งานผิดกฎหมายอะไร
 
จากนั้น นางสาวตุ้ง  บอกว่า แต่มีเงื่อนไข คือ ทุกคนต้องเปิดบัญชีหลาย ๆ บัญชี โดยบอกว่า เมื่อข้ามไปฝั่งเพื่อนบ้าน บางบัญชีอาจไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต อาจใช้งานไม่ได้ เลยขอให้เปิดไปเผื่อ พวกตนก็เชื่อ จึงได้ชักชวนพี่เขยและญาติสนิท รวมทั้งหมด 6 คน ไปเปิดบัญชี จากนั้น นางสาวตุ้ง ได้พาพวกตนทั้งหมดไปทำพาสปอร์ต โดยออกค่าใช้จ่ายและค่ารถให้ทั้งหมด
 
ต่อมา วันที่ 7 มกราคม นางสาวตุ้ง ได้พาทั้งหมดไปยังอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยก่อนข้ามแดนไป ได้นำโทรศัพท์มือถือมาให้พวกตน คนละ 1 เครื่อง และให้โหลดแอปฯ ธนาคารต่าง ๆ ที่ไปเปิดมาลงเครื่องที่ให้มา พยายามชักจูงต่าง ๆ นานา เพื่อความสะดวกในการรับเงิน เพื่อไม่ให้ปะปนกับบัญชีที่พวกตนมีใช้อยู่ก่อน พร้อมบอกว่า เมื่อเสร็จงานก็ให้ลบแอปฯ ออกจากโทรศัพท์ ก็จะไม่มีใครใช้งานได้
 
จากนั้น เมื่อผ่านด่าน ตม. ก็มีการประทับตราอย่างถูกต้อง ก่อนนั่งรถไปถึง ตึก 3 ชั้นแห่งหนึ่ง ห่างจากชายแดนประมาณ 2 กิโลเมตร นางสาวตุ้ง ก็บอกให้ขึ้นไปห้องทำงานชั้น 2 แต่ปรากฏว่า เมื่อเห็นสภาพตึกก็รู้สึกไม่ดี เพราะมีประตูเหล็กที่ปิดอยู่ตลอด และมีการ์ดยืนคุม ถือกระบองไฟฟ้า กดช็อตไฟเสียงดังจนน่ากลัว เหมือนเป็นการข่มขู่ จึงบอกขอเปลี่ยนใจไม่ทำงานแล้ว แต่ นางสาวตุ้ง คะยั้นคะยอ บอกว่า ไม่มีอะไร จึงทำให้จำยอมเดินเข้าไปในตึก แต่เมื่อไปถึงห้องชั้น 2 ก็ถูกกักตัว ยึดโทรศัพท์ พร้อมถูกข่มขู่ให้บอกรหัสผ่านของแอปฯ ธนาคารต่าง ๆ จึงรู้แน่ชัดว่าแล้วว่า ถูกหลอก
 
จนกระทั่งวันที่ 13 มกราคม ตนเองพร้อมสามี และเพื่อนอีกคนหนึ่ง ถูกปล่อยตัวมาก่อน โดยได้เงินมาคนละ 30,000 บาท แต่ยังก็ไม่กล้าจะขอความช่วยเหลืออะไรจากใคร เนื่องจากเกรงว่า พวกอีก 3 คน จะไม่ปลอดภัย และเมื่อวันที่ 18 และ 19 มกราคม พวกตนที่เหลือทั้งหมดอีก 3 คน ก็ได้รับการปล่อยตัวกลับมายังฝั่งไทยโดยปลอดภัย แต่เมื่อมาถึงบ้านที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สามี และพี่เขย มีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน คนละ 1 หมาย สามีบอกว่ามาจาก สภ.ไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนของพี่เขยมาจาก สภ.เกาะพงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้ทั้งหมดต้องไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.กุยบุรี ไว้ แต่คล้ายว่า ตำรวจจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จึงพากันมาปรึกษาผู้สื่อข่าวแทน เพราะตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนหนักมาก และคาดว่าอีกไม่นานคงมีหมายเรียกออกมาทุกคน และต้องติดคุกอย่างแน่นอน
 
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง พ.ต.อ.วรวัชร แคมป์วงษ์ ผกก.สภ.กุยบุรี ถึงเรื่องดังกล่าว บอกว่า ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนแล้ว ในตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า ทั้ง 6 คนนี้ ถูกหลอกไปจริงหรือไหม ซึ่งหลังจากนี้ จะเชิญทั้งหมดมาสอบสวนใหม่อีกครั้ง เพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าพบว่าถูกหลอกไปจริง ก็จะแจ้งความเอาผิดกลุ่มมิจฉาชีพต่อไป
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
ชมผ่าน YouTube https://youtu.be/a2uoX3fQxr8?feature=shared

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง