ลูกสาวโวย ! แม่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค คาใจในการให้บริการของโรงพยาบาล ซึ่งสุดท้ายแม่เส้นเลือดในสมองแตก ทำให้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
วันที่ 26 ม.ค. 67 คุณธัญวรินทร์ ภักดี (ปุ๊ก) ลูกสาวของผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา ว่า วันที่ 13 มิ.ย. 63 แม่ตนไม่มีแรง อาเจียน และปวดหัว พาไปรักษาที่คลินิกหมอวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ รักษาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น จึงพาไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค นอนโรงพยาบาล 5 วัน หมอวินิจฉัยว่าอาจเป็นได้หลายโรค
ผ่านไป 5 วัน แม่มีอาการพูดไม่ชัด และล้มหลังจากไปเข้าห้องน้ำ หลังจากแม่หมดสติ หมอได้มาซักประวัติใหม่ทั้งหมด ทั้งที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมาแล้ว 5 วัน จึงสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีประวัติการรักษา ระหว่างซักประวัติกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีการวัดชีพจร ตนต้องเป็นคนบอกกับพยาบาลเองว่าทำไมถึงไม่วัดชีพจร จากนั้นหมอได้กลับมาซักประวัติแม่เหมือนเดิม ตนทนไม่ไหวจึงบอกหมอว่าให้ส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่น ระหว่างส่งตัวหมอก็ไม่ยอมบอกว่าแม่เป็นโรคอะไร
ระหว่างที่รักษาในโรงพยาบาลที่สอง พบว่าแม่เส้นเลือดในสมองแตก แต่ไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้ทันที เนื่องจากไม่มีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลแรก ทำให้ต้องเสียเวลาหาประวัติการรักษาจนวุ่นวายกันทั้งแผนก หมอแจ้งว่าแม่มีโอกาสรอดยาก หลังจากผ่าตัดก็จะกลับมาใช้ชีวิตได้ไม่เหมือนเดิม หมอให้เลือกว่าจะปล่อยหรือจะยื้อชีวิตแม่ไว้ ตนตัดสินใจยื้อชีวิตแม่ไว้ หลังการผ่าตัดแม่รักษาอยู่นานกว่า 2 เดือน ทุกวันนี้แม่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงต้องมีคนดูแลตลอด อยากมาขอความเป็นธรรมว่าทำไมโรงพยาบาลแห่งแรกถึงไม่ยอมรักษาอย่างเต็มที่ตั้งแต่แรก นอกจากนี้ยังเคยให้แม่บ้านมาวัดความดันให้ สุดท้ายทำให้แม่อาการแย่ลงจนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เล่าว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน จึงได้ช่วยเหลือโดยยื่นหนังสือไปขอความช่วยเหลือกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ช่วยเหลือครอบครัวนี้แล้ว เนื่องจากนโยบายบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายหลักของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้ช่วยไปดูในกฎระเบียบช่วยหาวิธีในการดูแลเยียวยาในรูปแบบอื่น นอกจากการจ่ายเงินเบื้องต้น เนื่องจากผู้ป่วยติดเตียงจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลมากกว่าคนปกติ
นพ.รุ่งฤทัย มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ชี้แจงว่า ในกรณีนี้ ญาติผู้ป่วยไม่ติดใจเอาความ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้นแล้วตั้งแต่ปี 2563 และทางโรงพยาบาลก็ยินดีที่จะช่วยเหลือต่อไปในเรื่องของการดูแลกายภาพบำบัดต่อไป หรือการดูแลรักษาในรูปแบบอื่น ๆ ในระยะยาว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอื่นก็สามารถไปติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้ ส่วนเรื่องการให้แม่บ้านมาวัดความดัน ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ (คล้ายกับผู้ช่วยพยาบาล) ที่ผ่านการอบรมแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่แม่บ้านแน่นอน แต่คุณปุ๊กมั่นใจว่าคนที่มาวัดความดันเป็นแม่บ้าน เนื่องจากชุดที่ใส่ และการทำงานที่นอกจากวัดความดันแล้วต้องไปล้างห้องน้ำด้วย
ส่วนประเด็นที่คุณปุ๊กคาใจคือหลังจากวัดความดันแล้วพบว่าความดันสูงมาก แต่กลับไม่มีการรักษาเพิ่มเติมอีกเลย ส่วนที่ไม่ติดใจเอาความตั้งแต่แรกเนื่องจากตอนแรกมีความหวังว่าแม่จะหาย แต่สุดท้ายแม่ก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เชื่อว่าแม่กลายเป็นแบบนี้เป็นเพราะความผิดพลาดในการรักษา จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมที่ทำให้แม่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ด้าน นพ.รุ่งฤทัย ชี้แจงว่าจากการตรวจสอบพบว่าการรักษาของโรงพยาบาลแรกเป็นไปตามมาตรฐานทั่วไป ส่วนเรื่องการเยียวยาอาจจะต้องประสานหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยดูแล แต่ถ้าหากคุณปุ๊กมีข้อสงสัยก็สามารถยื่นเรื่องให้ตรวจสอบได้อีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติหากผู้ป่วยใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค
ติดตาม รายการ "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม