logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

เปิดภาพ ! ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย คดีฆ่าหั่นศพชาวเมียนมา | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุการณ์หนุ่มชาวเมียนมา ถูกฆ่าหั่นศพ แช่ในตู้แช่ ซุกซ่อนไว้ในตึกแถวแห่งหนึ่ง ในซอยสะแกงาม 35/3 เขตบา ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

983 ครั้ง
|
22 ม.ค. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุการณ์หนุ่มชาวเมียนมา ถูกฆ่าหั่นศพ แช่ในตู้แช่ ซุกซ่อนไว้ในตึกแถวแห่งหนึ่ง ในซอยสะแกงาม 35/3 เขตบางขุนเทียน
 
เปิดภาพผู้ต้องสงสัยชาวอินเดียฆ่าหั่นศพชาวเมียนมา
 
หลังจากที่พยานหลักฐานหลายอย่างค่อนข้างชี้ชัดไปที่นายหน้าจัดหางานชาวอินเดีย 2 คน ซึ่งตอนนี้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว ตรวจสอบแล้ว เพิ่งจะจดทะเบียนตั้งบริษัทได้เพียงแค่ 4 เดือนอยู่แถวสีลม โดยที่คนแถวนั้นก็ไม่รู้ว่าบริษัทของพวกเขาทำอะไร เพราะเห็นมีพนักงานอยู่แค่ 2 คน กับนายจ้างชาวอินเดียอีก 2 คน
 
ย้อนไทม์ไลน์ฆ่าหั่นศพหนุ่มเมียนมา ยัดตู้แช่
 
กรณีเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มกราคม มีคนพบศพนายอาเซ ไค ชาวเมียนมา อายุ 35 ปี ถูกฆ่าหั่นศพเป็น 6 ชิ้นส่วน แล้วนำชิ้นส่วนศพแช่ไว้ในตู้แช่สีขาว บริเวณชั้น 2 ตึกแถวแห่งหนึ่ง ในซอยสะแกงาม 35/3 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ตำรวจไปตรวจสอบพบว่า ตึกแถวแห่งนี้ มี นายซันดาราเวล ปกาดีส คูมา อายุ 23 ปี ชาวอินเดีย ซึ่งเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน มาทำงานในประเทศไทย เป็นผู้มาขอเช่าไว้ให้แรงงานประเทศเพื่อนบ้านพักอาศัย คือนายอาเซ ไค ผู้เสียชีวิต และเพื่อนอีก 4 คน รวมเป็น 5 คน เพื่อรอส่งไปทำงาน โดยที่เกิดเหตุพบเลื่อยตัดกิ่งไม้วางอยู่ใต้เตียง มีร่องรอยการต่อสู้ คราบเลือดในห้องน้ำ เมื่อตำรวจตามสืบสวน โดยเฉพาะการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ พบว่า ช่วงค่ำของวันที่ 19 มกราคม หรือ 1 วัน ก่อนมีผู้พบศพ นายซัน ดาราเวล ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ MG สีแดงไปซื้อตู้แช่ของกลางที่ใช้ยัดศพผู้ตาย ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบอน จากนั้นได้ว่าจ้างให้ทางห้างจัดส่งในราคา 500 บาท เพื่อนำมาส่งให้บ้านหลังเกิดเหตุ
 
ต่อมาช่วงกลางดึกของวันที่ 19 ภาพวงจรปิดจับภาพนายซัน ดาราเวล ขับรถยี่ห้อ MG คันดังกล่าว มาจอดหน้าตึกแถวที่เกิดเหตุ โดยพยายามถอยรถเข้าไปในตัวบ้านแต่เข้าไม่ได้ จนชนประตูเสียงดังสนั่น จากนั้นจึงขับรถออกไป และจากการตรวจสอบของตำรวจ พบว่า นายซันดาราเวล เดินทางกลับประเทศอินเดียไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม
 
เปิดภาพ 2 ผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย ฆ่าหั่นศพชาวเมียนมา
 
ล่าสุด วันนี้ มีภาพนายหน้าชาวอินเดีย 2 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าหนุ่มชาวเมียนมา คือ นายซันดาราเวล ปกาดีส คูมา อายุ 23 ปี และนายเดวาซิก้ามานี กูมาลัน อายุ 28 ปี ซึ่งทั้งสองคน หนีออกนอกประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม
 
สองผู้ต้องสงสัยชาวอินเดีย เพิ่งจะมาเปิดบริษัทจัดหาแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน มาทำงานในประเทศไทย โดยเพิ่งจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซิกา โกรเซรี่ส์ จำกัด เมื่อวันที่ 5 กันยายนปีที่แล้ว มีชื่อของทั้ง 2 คน เป็นกรรมการบริษัท จดทะเบียนประเภทธุรกิจเป็นขายส่งทั่วไป แต่ว่าดำเนินกิจการจัดหาแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน มาทำงานในประเทศไทย โดยนายซันดาราเวล และนายเดวาซิก้ามานี เช่าตึกแถว 1 คูหา  5 ชั้น ตั้งบริษัทอยู่ที่ซอยสีลม 22 ใช้ป้ายไวนิล สกรีนตัวหนังสือภาษาอังกฤษ แขวนไว้หน้าตึก ถ้าไม่สังเกต ก็จะไม่รู้ว่านี่เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจ
 
เผยนายหน้าอินเดียเปิดบริษัท 4 เดือน ด้านในโล่งเหมือนไม่ใช่ออฟฟิศ
 
นายสันติ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย อยู่ตึกฝั่งตรงข้ามกับบริษัทของนายหน้าชาวอินเดีย บอกว่าเห็นชาวอินเดียทั้ง 2 คน มาเช่าตึกแห่งนี้เปิดบริษัทได้ประมาณ 3 -4 เดือนแล้ว โดยตัวชาวอินเดียทั้ง 2 คน จะขับรถยี่ห้อ MG สีแดง คันที่เป็นข่าว มาที่นี่ประจำ และจะมีรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งที่ทั้ง 2 คนใช้ขับขี่ซ้อนท้ายไปด้วยกัน ส่วนพนักงานของบริษัท เห็นมี 2 คน เป็นคนไทย 1 คน อีกคนน่าจะเป็นคนต่างชาติ
 
นายสันติบอกว่า เคยมองเข้าไปด้านในของบริษัทนี้ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์อะไร ที่จะเป็นเหมือนบริษัทได้เลย เคยถามคนไทยที่ทำงานที่นี่ ก็บอกว่า มาวันๆ ไม่ได้ทำอะไร มาอยู่ออฟฟิศเฉย ๆ นอกจากนี้ ตัวนายหน้าชาวอินเดีย ซึ่งน่าจะเป็นนายซันดาราเวล เคยให้พนักงานมาสั่งก๋วยเตี๋ยว ที่อยู่ฝั่งตึกที่นายสันติทำงานอยู่ 2 ครั้ง แต่ไม่เคยพูดคุยกัน เพราะทั้งสองคนพูดภาษาต่างประเทศ ไม่พูดภาษาไทย โดยเห็นทั้งสองคนครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ 19 จากนั้นไม่เห็นอีกเลย มีเพียงพนักงานมาถามเมื่อวันเสาร์ว่าเห็นเจ้านายเขามาทำงานหรือไม่
 
เรียกสอบพนักงาน คาดลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายเข้าไทย
 
วันนี้ บริษัทของนายหน้าชาวอินเดียทั้ง 2 คน ที่ซอยสีลม 22 ปิด เพราะว่าตำรวจได้เรียกพนักงานของบริษัทนี้ มาสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถึงการนำแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาทำงานในเมืองไทย ซึ่งมีรายงานว่า ทั้ง 2 คน จดทะเบียนตั้งบริษัทถูกกฎหมายก่อน จากนั้นลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายเข้ามาทำงานในประเทศไทย ตำรวจยังเชิญ นางสาววลัยลักษณ์ ซึ่งเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ตอนนายซันดาราเวล มากับเพื่อนอีก 1 คน ขับรถเข้ามาที่ตึกแถวที่พบศพ ช่วง 15.00 น. วันที่ 19 มกราคม มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วย ซึ่งนางสาววลัยลักษณ์ บอกว่า ชาวอินเดียทั้งสองคนเพิ่งมาเช่าตึกแถวได้ไม่นาน ตอนแรกทั้ง 2 คน มาตั้งแต่ช่วงเช้าพาแรงงานออกไป ต่อมากลับมาช่วง 15.00 น. ชายชาวอินเดียใส่เสื้อเชิ๊ตสีดำ เป็นคนขับรถยนต์ยี่ห้อ MG สีแดง โดยพยายามถอยรถเข้าบ้าน แต่ปรากฏว่าข้างรถฝั่งซ้ายครูดกับประตูเป็นแผลยาวเสียงดัง ตนจึงออกไปดู เห็นว่าชายคนดังกล่าวมีท่าทีโมโห
 
จากนั้นเวลาประมาณ 18.00 น. ทั้ง 2 คน ขับรถออกไป ก่อนที่เวลา 19.00 น. ชายชาวอินเดียทั้ง 2 คน ได้ขับรถนำรถกระบะบรรทุกตู้เย็นกลับเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นเวลา 21.00 น. ชายชาวอินเดียทั้ง 2 คน ขับรถออกไป โดยตนสังเกตว่า ชายคนหนึ่ง ได้ก้มดูประตูบานเลื่อนหน้าบ้าน เหมือนดูว่าจะมีใครมองเห็นหรือไม่ ก่อนเหยียบประตูบานเลื่อนปิดพับและล็อกกุญแจ โดยตนได้ยินเสียงแอร์ทำงานที่ชั้นบนของบ้าน ทำให้เข้าใจว่ายังมีคนอยู่ที่ชั้นบน
 
พยานเผยนายหน้าถามหาคนอายุมากสุด ก่อนถูกฆ่าหั่นศพ
 
นอกจากนี้ ตำรวจเชิญเพื่อนผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ที่เป็นแรงงานประเทศเพื่อนบ้านชาวเมียนมาร์ มาสอบสวน โดยมีกลุ่มล่ามจากองค์กรช่วยแรงงานต่างชาติพม่า มาช่วยแปลภาษา หนึ่งในล่ามแปลภาษาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเข้าห้องสอบสวน ว่า ชาวเมียนมาทั้ง 5 คน ซึ่งรวมถึงผู้เสียชีวิตด้วย มาจากทางตอนเหนือของเมียนมา ได้รับการชักชวนจากนายหน้าชาวอินเดีย ให้มาทำงาน โดย 2 คนหลัง เดินทางออกจากเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม มาถึงชายแดนในวันที่ 12 มกราคม มีนายนายกุมาร์ (น่าจะหมายถึงนายซันดาราเวล ปกาดีส คูมา) นายหน้าชาวอินเดียเดินทางเข้าไปรับ แล้วมาถึงที่สีลม กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13 มกราคม ประมาณ 05.00 น. ก่อนจะเดินทางพามารวมกลุ่มกันกับแรงงานต่างชาติเมียนมา ที่อยู่ในไทยก่อนหน้านี้อีก 3 คน แล้วพาไปเช่าที่พักภายในซอยสะแกงาม 35/2 ในวันพุธที่ 17 มกราคม โดยนายหน้าชาวอินเดียรายนี้ คิดค่าหัวในการหางานให้กับกลุ่มของผู้ตายตกหัวละ 7,000 บาท โดยยังไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไร
 
ล่ามบอกด้วยว่า ต่อมาวันที่ 19 มกราคม กลุ่มชาวเมียนมาทั้ง 5 คน ถูกนายหน้าชาวอินเดียจับไปขังอยู่ห้องครัวภายในที่พักชั้นล่าง จากนั้นนายหน้าชาวอินเดียได้เรียกผู้ตายขึ้นไปพูดคุยตามลำพัง เพราะมีอายุมากสุด โดยให้เดินตามขึ้นมาที่ชั้น 3 ของอาคาร ซึ่งไม่รู้ว่ามีการพูดคุยอะไรกัน ราวครึ่งชั่วโมงก็มีเสียงโวยวาย
 
ตำรวจเผยยังไม่ฟันธง แรงจูงใจก่อเหตุฆ่าหั่นศพ
 
รายละเอียดที่มากกว่านี้ ผู้สื่อข่าวรอถามจากล่ามอีกครั้ง เพราะว่าระหว่างสัมภาษณ์เล่าถึงตอนที่สำคัญ ตำรวจเรียกล่ามเข้าไปแปลภาษาในห้องสอบสวน ทำให้รายละเอียดหยุดลงแค่ว่ามีเสียงโวยวายดังขึ้น
 
ขณะนี้ พันตำรวจเอก เลิศศักดิ์ เขียนทรัพย์ ผู้กำกับการ สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเรื่องแรงจูงใจการก่อเหตุ ไม่แน่ใจว่ามีปากเสียงกันมาก่อนหน้าหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว เบื้องต้นทราบว่า ตัวของนายซันดาราเวล นายหน้าชาวอินเดีย ขออนุญาตเข้ามาแบบถูกต้อง เข้ามาอยู่ในไทยหลายปีแล้ว เบื้องต้นมีการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท กับกรมธุรกิจการค้า เป็นเรื่องของการค้า แต่ประเด็นอื่นต้องรอสืบสวนว่าทำธุรกิจอะไรบ้าง เพราะนายหน้าคนดังกล่าวเข้ามาอยู่ในไทยหลายปีแล้ว ส่วนตัวของแรงงานอาจเข้ามาแบบผิดกฎหมาย
 
นอกจากนี้ ตำรวจได้ประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ในการประสานกับสถานทูตเมียนมา เพื่อนำศพนายอาเซ ไค ผู้เสียชีวิต กลับไปยังประเทศเมียนมา โดยพบว่านายอาเซ ไค ยังไม่ได้จดทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามกฎหมาย
 
เตรียมประสานอินเดีย ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
 
พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี ว่าขณะนี้ตำรวจแบ่งกำลังเร่งรวบรวมหลักฐานตรวจสอบกล้องวงจรปิด คนร้ายเข้ามาที่บ้าน หลังจากที่เกิดเหตุไปที่ไหนบ้าง การจัดหาซื้ออุปกรณ์หั่นศพ เลื่อยไฟฟ้า อำพรางศพ ตู้แช่ กำลังอีกส่วนเร่งสอบปากคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม เพื่อเร่งออกหมายจับผู้ก่อเหตุ เป็นชายชาวอินเดีย 2 คน ให้ได้ภายในวันนี้ จากนั้น ออกหมายแดง และจะประสานกับทางการอินเดีย เพื่อประสานส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งจากข้อมูลการสืบสวน พบว่า ทั้ง 2 คน น่าจะลงมือก่อเหตุ ในวันที่ 19 มกราคม
 
และจากข้อมูลพบว่า ชายชาวอินเดีย 2 คน คือนายเดวาซาร์ และนายปรากาเกซูมา มีการเปิดบริษัท ซิการ์ โกเซรี จำกัด เพื่อขายส่งสินค้าทั่วไป โดยจดทะเบียนเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 
ชมผ่าน YouTube https://youtu.be/QyBeKXRtghs?feature=shared
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง