ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คืบหน้าเหตุการณ์โศกนาฏกรรม พลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุดยืนยันยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เร่งตรวจเอกลักษณ์บุคคล
เร่งพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเหยื่อพลุระเบิด
จากเหตุการณ์เมื่อช่วง 15.00 น. วานนี้ เกิดเหตุพลุระเบิด ในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย ในจำนวนนี้มีหญิงที่เป็นเจ้าของโรงงาน และลูกชายรวมอยู่ด้วย โดยโรงงานแห่งนี้ ตั้งอยู่กลางทุ่งนา พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ สภาพโรงงานพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี เศษเหล็กกระจุยกระจายเกลื่อนเต็มบริเวณ โดยมีเศษชิ้นส่วนศพกระจัดกระจายโดยรอบประมาณ 100 เมตร สภาพศพถูกไฟไหม้เกรียม หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ เข้าทำการค้นหาและเก็บร่างชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ต่อรถโลงห้องเย็นจากมูลนิธิเพชรเกษม และของโรงพยาบาลตำรวจ มาเก็บรักษาร่างของผู้เสียชีวิตเอาไว้
โดยช่วง 09.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เริ่มทยอยนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากสถานที่เกิดเหตุ ไปยังวัดโรงช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยมีกลุ่มญาติ ๆ ที่มารอรับศพ ต่างโผเข้ากอดกันร้องไห้ระงมทั้งวัด
ด้าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จะเร่งดำเนินการพิสูจน์ศพให้เร็วที่สุด จากนั้น ที่ว่าการอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จะเปิดให้ญาติลงทะเบียนแจ้งขอออกใบมรณบัตร ส่วนพื้นที่นาข้าวโดยรอบที่ตั้งโรงงานพลุที่เกิดเหตุระเบิด ยังเป็นพื้นที่ปิด ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทรัพยากรจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าไปตรวจสอบว่าในดินมีกำมะถันตกค้างอยู่อีกหรือไม่
ญาติเศร้า สูญเสียคนในครอบครัว 6 คน
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่รับต้นปี มีอยู่ครอบครัวหนึ่งที่เขาต้องสูญเสียญาติ ๆ กระทันหันไปถึง 6 คน กับเหตุการณ์พลุระเบิดครั้งนี้
ทีมข่าวไปพูดคุยกับ นางบังอร พันธุ์ตัน ญาติของผู้เสียชีวิตเล่าว่า ครอบครัวตนไปทำงานอยู่ที่โรงงานดังกล่าวทั้งหมด 6 คน เคยเตือนทุกคนแล้วว่าให้เลิกทำเพราะมันอันตราย แต่พวกเขาบอกว่า ถ้าไม่ทำจะเอาอะไรกิน เพราะเป็นรายได้หลัก ซึ่งคนในครอบครัวจะทำงานกันตั้งแต่เช้า และจะกลับอีกทีก็ตอนมืดเลย หลังเกิดเหตุก็รู้ทันทีว่าทุกคนต้องไม่รอด ได้แต่ทำใจ ซึ่งเมื่อวานตนเอง ได้ไปดูที่เกิดเหตุแต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะเห็นร่างคนเป็นชิ้น ๆ กระจัดกระจายอยู่ เป็นภาพน่าหดหู่ใจที่สุด
เปิดใจผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว เหตุพลุระเบิด
ผู้สื่อข่าวไปพูดคุยกับ ป้าน้ำฝน บุญกล่อม อายุ 46 ปี เป็นคนงานเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ป้าน้ำฝน เปิดใจว่า ทำงานที่นี้มา 16 ปีแล้ว ช่วงปี 2565 ที่เกิดเหตุพลุระเบิด ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ไม่ได้เป็นอะไร เหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่ตนรอดมาได้ เพราะลูกชายคนเล็กโทรมาขอเงิน และให้รีบกลับบ้าน แต่ตนบอกว่าให้มาเอาที่โรงงาน ลูกชายก็ไม่ยอม โทรจี้ให้กลับบ้าน 4-5 สาย ตนรำคาญจึงบอกเพื่อนร่วมงานว่ากลับบ้านก่อน เพราะลูกชายไม่ยอม พอมาถึงบ้านได้ประมาณ 20 นาที ก็ได้เสียงระเบิดดังสนั่น เหตุการณ์นี้ถือว่ารุนแรงที่สุด เพราะคนงานไม่มีใครรอดชีวิตเลย แม่และน้าสะใภ้ก็อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งหากตนไม่ได้ออกมาเอาเงินให้ลูก ก็คงเป็นศพในนั้นด้วย
ผบ.ตร. ลงพื้นที่ให้กำลังใจญาติเหยื่อ กำชับช่วยเหลือทุกมิติ
ขณะที่ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังวัดโรงช้าง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิด เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต
โดย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในวันนี้จะมุ่งเน้นในเรื่องของการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ก่อนจะดำเนินการส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตให้แก่ครอบครัว โดยจะไม่มีการส่งร่างไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะได้ยกทีมแพทย์นิติวิทยาศาสตร์มาไว้ที่นี่หมดแล้ว โดยจะเร่งพิสูจน์หลักฐานและนิติเวชดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 วัน หลังจากนี้ จะส่งมอบร่างให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้น เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีประจักษ์พยาน เพราะไม่มีใครรอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงต้องอาศัยการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ EOD เป็นหลัก ซึ่งต้องให้ระยะเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่สักระยะหนึ่งก่อน จึงจะสามารถทราบแน่ชัดว่า สาเหตุของการระเบิดครั้งนี้เกิดจากอะไร
นอกจากนี้ เตรียมที่จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกับกระทรวงมหาดไทย ในการกำหนดกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ในการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ โดยเฉพาะการกำหนดโซนนิงพื้นที่จัดตั้งโรงงาน โดยเฉพาะโรงงานประกอบพลุระเบิดเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ซ้ำรอยขึ้นอีก รวมทั้งจะร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยในการเร่งตรวจสอบโรงงานพลุ และโรงเก็บดินปืนในบริเวณพื้นที่เพื่อความปลอดภัย แต่คงจะห้ามไม่ให้ประกอบอาชีพประกอบพลุก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ต้องทำมาหากิน ก็เหมือนกับโรงงานน้ำมันที่อันตราย แต่ก็จำเป็นต้องมี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญทางเศรษฐกิจ
ยธ.เร่งเยียวยาครอบครัวเหยื่อพลุระเบิด รายละ 2 แสนบาท
นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเยียวยาเหยื่อว่า กรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ประสานกับสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อแจ้งสิทธิ และรับคําขอสรุปสํานวนเตรียมเสนออนุกรรมการจังหวัด ในวันที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อเร่งเยียวยาครอบครัวเหยื่อจากเหตุระเบิด ซึ่งจะอ้างอิงการจ่ายชดเชยเหมือนเยียวยาเหตุพลุระเบิดที่มูโน๊ะ
สำหรับฐานความผิด เบื้องต้นเป็นความผิดเกี่ยวกับชีวิต การช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายจากการกระทําความผิดอาญาของผู้อื่น โดยตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทําความผิด ถือเป็นผู้เสียหายตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ค่าตอบแทนฯ มีสิทธิได้รับการเยียวยาจากกรณีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญสาธารณชนให้ความสนใจ โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา 200,000 บาท แบ่งเป็น ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตายจํานวน 100,000 บาท, ค่าจัดการศพ 20,000 บาท, ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท และค่าเสียหายอื่น 40,000 บาท
พลุระเบิดไม่ใช่โรงงาน ไม่มีลูกจ้าง ม.39
รองผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี กล่าวอีกว่า เหตุพลุระเบิดครั้งนี้ ทางผู้ประกอบการก็สูญเสียภรรยาและลูกชายในเหตุระเบิดด้วย ขณะนี้ คปภ. ได้ตรวจสอบการทำประกันภัยของผู้เสียชีวิต ทราบว่าหลายคนมีประกันชีวิต แม้จะไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 แต่เป็นเกษตรกร ซึ่งมีการกู้เงินกับสถาบันการเงิน ซึ่งมีเงื่อนไขเรื่องการทำประกันชีวิตเอาไว้ด้วย
ล่าสุดช่วง 15.00 น. ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่มายังวัดโรงช้าง เพื่อให้กำลังใจญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า พร้อมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าทุกท่านจะไม่ถูกทิ้ง ขอให้ความเชื่อมั่นว่าทางรัฐบาลจะเยียวยาอย่างเต็มที่ พร้อมเร่งหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแก้มาตรการป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35