เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีแก๊งวัยรุ่น 5 คน รุมฆ่า ป้าบัวผัน หรือ ป้ากบ หญิงเร่ร่อนสติไม่ดี ในเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะได้สะท้อนให้เห็นความโหดเหี้ยมอำหิตของแก๊งนี้ เพราะท้ายที่สุดไม่ใช่แค่ป้าบัวผันที่ถูกแก๊งนี้ทำร้าย มีข้อมูลออกมาขณะนี้ แก๊งนี้สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว เคยลงมือทำร้ายคนอื่นมาก่อน มีผู้เสียหายหลายคน
ลุงเปี๊ยก เปิดใจสาเหตุที่สารภาพฆ่าเมีย แค่อยากตัดปัญหา
แต่ประเด็นที่ยังค้างคาใจ คือกรณีที่ ลุงเปี๊ยก สร้างข้อกังขา เพราะตอนแรกลุงเปี๊ยกมาหาตำรวจ แล้วรับสารภาพ และนำตำรวจไปชี้จุดทำแผนแต่ละจุดด้วยตัวเอง จนตำรวจต้องนำตัวไปฝากขังไว้ แต่ตอนหลัง เมื่อมีการเปิดเผยกล้องวงจรปิด พบว่ามีวัยรุ่นเป็นฝ่ายรุมทำร้ายป้าบัวผัน และมีหลักฐานอุ้มไปฆ่าโยนสระน้ำ คำถามคือ เหตุใดลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เกี่ยวพันกับกรณีที่หัวโจกแก๊งนี้ เป็นลูกตำรวจคนหนึ่งในพื้นที่หรือไม่
ซึ่งเมื่อตำรวจไปคุมตัวผู้ก่อเหตุ และต่อมาได้รับสารภาพทั้งหมด ทำให้ลุงเปี๊ยกถูกปล่อยตัวจากเรือนจำจังหวัดสระแก้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่หลังนั้นปรากฏว่าลุงเปี๊ยกหายไป มีข่าวว่าเดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเมื่อวานนี้พบว่า ลุงเปี๊ยกอยู่บ้านพี่ชายที่บ้านคลองน้ำใส อำเภออรัญประเทศ แต่เมื่อสื่อมวลชนเดินทางไปหาที่บ้าน ปรากฏว่า ลุงเปี๊ยกไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้ชื่อ ป้าละมุน บอกว่ามีตำรวจมารับลุงเปี๊ยกไปตั้งแต่ 09.00 น. บอกว่าจะพาไปทำบัตรประชาชน เพราะลุงเปี๊ยกไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนติดตัว บอกว่าตอนเย็นจะพามาส่ง แต่ยังไม่มีใครติดต่อลุงเปี๊ยกได้เลย
แต่เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีหมายกำหนดการเดินทางไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงคดี ทำให้ช่วงเวลา 15.30 น. มีการเชิญลุงเปี๊ยกมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว โดยช่วงที่นั่งรอ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ทาง พันตำรวจเอก จตุรภัทร สิงหัษฐิต รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้เข้าไปนั่งพูดคุยสอบถามลุงเปี๊ยก ในประเด็นรับสารภาพ จนกระทั่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี แล้วถูกควบคุมตัวในเรือนจำจังหวัดสระแก้ว
โดยลุงเปี๊ยกได้เปิดเผยเหตุผลที่รับสารภาพ ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ ว่า ที่สร้างเรื่องขึ้นมาเพราะเสียใจที่ภรรยาเสียชีวิต ประกอบกับชาวบ้านเชื่อว่าตนเป็นคนฆ่า จึงรับสารภาพไปเพื่อตัดปัญหา แถมตอนนั้นดื่มสุราไปด้วย 1 กั๊ก
พี่สาว ยัน ลุงเปี๊ยก เป็นคนดี ห่วงไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านระเวียง หมู่ 12 ตำบลระเวียง อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ ได้พบ นางชัยญาภา อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของลุงเปี๊ยก บอกว่า ตนนั้นรู้สึกเป็นห่วงน้องชายมาก ๆ กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม นายเปี๊ยกไม่ได้กลับบ้านที่สุรินทร์ปีกว่าแล้ว จะติดต่อกันได้ เมื่อตนโทรไปหาพี่สะใภ้ที่อรัญประเทศ ซึ่งน้องชายจะรับจ้างทำงานล้างจานในร้านอาหาร แต่ตนไม่เคยรู้ว่าน้องชายมีภรรยาอยู่ที่นั่น จนเกิดเรื่องและเห็นในข่าว แต่รู้ว่าน้องชายตนขี้เหล้า ล่าสุดตนนั้นได้พูดคุยกับน้องชาย ก็บอกว่าไม่ได้ทำ เมื่อถามว่าทำไมถึงรับสารภาพ น้องชายบอกว่า ผมก็ต้องปกป้องตนเอง ตนเลยถามว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น แต่น้องชายก็ไม่ตอบตน ตนรู้สึกได้ว่าน้องชายเป็นแพะรับบาป ถ้าไม่มีหลักฐานวงจรปิด สงสัยน้องชายจะติดคุกฟรีไปแล้ว
พี่สาวจึงฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอความยุติธรรมให้กับน้องชายด้วย ฝากบอกลุงเปี๊ยกด้วยว่า ให้พูดความจริงกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องกลัว เรื่องจะได้จบ ๆ ไม่ต้องเป็นแพะรับบาป ตนเป็นห่วงมาก ๆ จบสิ้นคดีนี้แล้วตนจะพูดคุยกับครอบครัวและน้องชายว่าจะกลับมาอยู่กับตนที่จังหวัดสุรินทร์หรือไม่
บิ๊กโจ๊ก ลุยเอง สอบปากคำ ลุงเปี๊ยก
ซึ่งเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ที่ห้องประชุม ภายในกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้พบกับ ลุงเปี๊ยก หรือ นายปัญญา ด้วยตนเอง โดยภายหลังจากการพูดคุยกับลุงเปี๊ยกแล้ว ซึ่งลุงเปี๊ยกก็ยังยืนยันกับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ว่า ไม่มีใครบังคับหรือจ้างวานให้รับสารภาพใด ๆ แต่ที่รับสารภาพเพราะว่าวันพบศพตนเองได้ไปดูศพด้วย และได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าผู้ที่ทำร้ายภรรยาจนเสียชีวิตน่าจะเป็นลุงเปี๊ยก เพราะทั้งคู่ชอบทะเลาะกันเวลาเมา ทำให้ตนตัดสินใจไปยอมรับสารภาพกับตำรวจว่าเป็นคนฆ่าภรรยาตัวเอง โดย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ เชื่อว่า เหตุที่ลุงเปี๊ยกรับสารภาพแบบนั้น เพราะเป็นผลจากอาการติดสุราเรื้อรัง สมองจึงจินตนาการไปเรื่อย
ซึ่งต่อมา พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้แถลงข่าวสรุปที่ลงมาดูข้อมูลและพูดคุยในวันนี้ว่า ในเรื่องของเยาวชนที่ก่อเหตุเป็นเด็กเกเร เชื่อว่าเคยก่อคดีมาก่อน สั่งให้รองผู้การฯ จังหวัดสระแก้ว รวมคดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเด็กกลุ่มนี้ เพื่อให้ได้รับโทษให้เยอะขึ้น รับกรรมในสิ่งที่ก่อ
ส่วนกรณีลุงเปี๊ยกรับสารภาพ เมื่อผู้ต้องหารับสารภาพและมีร่องรอยเลือด ตำรวจจึงต้องเชื่อไว้ก่อน และเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปไหน จึงต้องขออำนาจศาลควบคุมตัว
ทันทีที่ได้ตัวลุงเปี๊ยก ชุดสืบสวนของจังหวัดจึงมีการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาหลักฐานเพิ่ม จนพบว่ากลายเป็นฝีมือวัยรุ่น 5 คน จึงต้องทำเรื่องปล่อยตัวลุงออกมา
และจากไทม์ไลน์ ลุงเปี๊ยกกับพ่อของเด็กที่ก่อเหตุที่เป็นตำรวจ ไม่ได้เจอกัน เพราะลุงออกจากเรือนจำวันจันทร์ และพ่อเด็กก็นำตัวเด็กมามอบตัววันอาทิตย์ ซึ่งไม่ได้เจอกันแน่นอน
และหลังจากตำรวจปล่อยตัวลุงแล้ว ได้มีการนำตัวมาสอบที่ สภ.อรัญประเทศ จากนั้นได้นำรถไปส่งที่บ้านพี่สะใภ้ ไม่ได้มีการคุมตัวไปที่เซฟเฮ้าส์อย่างที่เป็นข่าว โดย พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ระบุว่า คดีป้าบัวผันไม่มีความซับซ้อน และไม่มีตำรวจช่วยเหลือและเกี่ยวข้องแน่นอน ถ้ามีไม่เอาไว้เช่นกัน
แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หันไปถามลุงเปี๊ยก ว่า ช่วงไปทำแผนทำไมถึงบอกว่าใช้เก้าอี้ฟาดป้าบัวผัน ลุงเปี๊ยกตอบว่า ก็ตำรวจยื่นเก้าอี้ให้ แต่มีตำรวจแทรกชี้แจงว่า บริเวณดังกล่าวมีเก้าอี้วางอยู่แล้ว เพราะเป็นหอประชุม พื้นที่จัดกิจกรรมวันเด็ก ลุงเปี๊ยกจึงตอบภายหลังว่า ที่พูดเรื่องเก้าอี้นั้นสมมติขึ้นมาเอง ยืนยันว่าที่รับสารภาพไม่มีใครบงการหรือบังคับ แต่ทำไปเพราะเมาล้วน ๆ
ซึ่งหลังเสร็จสิ้นการประชุม เวลา 21.10 น. พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานครทันที ผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์ลุงเปี๊ยก แต่ลุงเปี๊ยกก็แสดงท่าทีไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก
แต่เรื่องนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่มาจากพูดคุยในรายการ ถกไม่เถียง เมื่อวานเย็นที่ผ่านมา ทั้ง ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญวิทยา เชิงจิตวิทยาและพฤติกรรม พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ เจ้าของฉายามือปราบหูดำ ที่จะมาพูดถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้ รวมถึงข้อสงสัยต่อปมคดีนี้หลายอย่าง ส่วนคุณกัน จอมพลัง ที่เปิดหลักฐานเพิ่มเติมว่า กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 ราย ยังมีวีรกรรมที่กระทำต่อผู้อื่น นอกเหนือจากป้ากบ
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35