เช้านี้ที่หมอชิต - รถเก๋งหัวร้อน พุ่งชนรถแท็กซี่กลางถนนรัชดา หลังก่อเหตุนำรถไปจอดทิ้งท้ายซอยอินทามระ พบผู้ก่อเหตุอาจมีอาการทางจิต คิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า
รถเก๋งหัวร้อน พุ่งชนแท็กซี่พังยับ
คลิปเหตุการณ์คนขับรถเก๋งสีขาว หัวร้อน ขับรถพุ่งชนรถแท็กซี่เขียวเหลือง ที่จอดขวางกลางถนนอยู่ แต่ครั้งเดียวไม่หนำใจ คนขับรถเก๋งสีขาวยังใส่เกียร์ถอย ก่อนจะพุ่งชนท้ายรถแท็กซี่อีกครั้ง เสียงดังสนั่น ก่อนจะขับหนีไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงค่ำวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา หน้าห้างแห่งหนึ่ง บนถนนรัชดาภิเษก เพจ Red Skull นำคลิปมาแชร์ไว้ โดยระบุว่า ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ เหตุใดคนขับรถเก๋งสีขาว ถึงได้หัวร้อนขนาดนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายยุทธพงศ์ แซ่ฟุ้ง คนขับรถแท็กซี่คันที่ถูกพุ่งชน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ขับรถมาจากแยกถนนพระราม 9 เลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดา พอมาถึงที่เกิดเหตุ กำลังจะเบี่ยงซ้ายเข้ามารับผู้โดยสาร ปรากฏว่ารถเก๋งสีขาวคันดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าเสียบท้ายรถด้านขวา โดนตัวรถฝั่งคนขับครูดเป็นทางยาว แล้วขับหลบหนีไป ก่อนจะไปเฉี่ยวชนรถแท็กซี่อีก 1 คัน
หลังเกิดเหตุ รีบขับรถไล่ตาม จนไปทันกันที่สามแยกเทียมร่วมมิตร จึงปาดหน้าจอดขวาง เพื่อสกัดไม่ให้รถเก๋งหลบหนี แต่ว่ารถเก๋งคันนี้ ได้ถอยรถ แล้วขับพุ่งชนรถของตนอย่างแรง ก่อนจะเร่งเครื่องหนีไป
ต่อมาตำรวจรับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถเก๋งคันก่อเหตุ ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ในซอยอินทามระ 26 แต่ไม่พบตัวคนขับรถ ตรวจสอบ พบเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า คราวน์ สีขาว รูปพรรณตรงกับรถเก๋งที่ปรากฏในคลิป โดยพบว่าที่หน้ากระจกรถ มีสติ๊กเกอร์ของสำนักงานอัยการสูงสุด ติดอยู่ ในรถมีกุญแจเสียบคาไว้ ตำรวจจึงนำรถยกมาเคลื่อนย้ายไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ สน.ห้วยขวาง
แม่อ้างลูกชายป่วยจิต คิดว่า ตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า แม่ของคนขับรถเก๋งคันก่อเหตุ ประสานขอความช่วยเหลือมา บอกว่าลูกชายป่วยทางจิต เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว โดยลูกชายมักจะมีอาการคลั่ง คิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ตลอด เวลาจะไปไหนมาไหน ก็จะพรมน้ำมนต์ตลอด
และก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 วัน ลูกชายได้หนีออกมาจากโรงพยาบาล แม่ไปตามจนเจอและพาไปให้หมอฉีดยาให้หลับ แต่โรงพยาบาลไม่ฉีดยาให้ เมื่อกลับมาอยู่บ้าน ลูกก็หนีออกจากบ้าน จนถึงวันนี้ยังติดต่อไม่ได้ แม่กลัวว่าลูกจะไปทำร้ายตำรวจ และถูกตำรวจวิสามัญฯ จึงขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูก เพราะลูกมีอาการป่วยทางจิตจริง ๆ
แท็กซี่ไม่เชื่อคนขับเก๋งป่วยจิต
อย่างไรก็ตาม คนขับรถแท็กซี่ที่ถูกชนเสียหายทั้ง 2 คัน ซึ่งได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ยืนยันจะเอาผิดผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ส่วนกรณีที่แม่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าลูกชายป่วยทางจิตนั้น ไม่น่าจะจริง แต่น่าจะดื่มแอลกอฮอล์จนเมา หรือเสพสารเสพติดมากกว่า
พลตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า แม่ของผู้ก่อเหตุ ได้นำตัวลูกชายเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว จากการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ สามารถเล่าเรื่องได้ และรู้สึกเสียใจ แต่มีบางห้วงพบว่ามีสภาวะไม่ปกติ โดยตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ต้องรอผลตรวจร่างกายก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
จนกระทั่งช่วงค่ำที่ผ่านมา ตำรวจได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปประเมิน และรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาฯ กระบวนการจากนี้คือให้แพทย์ประเมินอาการและวินิจฉัยว่ามีอาการทางจิตหรืออยู่ในภาวะที่สามารถต่อสู้คดีได้หรือไม่ ซึ่งกรอบเวลาตามกฏหมายในการวินิจฉัยอยู่ที่ 45 วัน หากพบว่าป่วยทางจิต ต้องรักษา และคอยรายงานทุก ๆ 180 วัน จนกว่าจะสามารถกลับมาต่อสู้คดีได้ แต่หากประเมินวินิจฉัยแล้วว่าไม่มีอาการทางจิต ก็สามารถส่งตัวกลับมาต่อสู้คดีได้ทันที
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35