ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คดีฆ่าป้าบัวผัน หญิงเร่ร่อนสติไม่ดี ที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งตอนแรก ลุงเปี๊ยก ผู้เป็นสามีรับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่า จนตำรวจแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว แต่เมื่อไล่ดูกล้องวงจรปิดอีกครั้ง พบกลุ่มวัยรุ่น 5 รายเป็นคนฆ่า วันนี้ (15 ม.ค.) ตำรวจจึงต้องขอหมายปล่อยตัวลุงเปี๊ยก ออกจากเรือนจำแล้ว ซึ่ง ลุงเปี๊ยก บอกว่า ที่รับสารภาพเพราะชาวบ้านหาว่าตนเป็นคนฆ่าภรรยา ขณะที่มีการเด้งตำรวจพ่อของ 1 ใน 5 วัยรุ่นที่ฆ่านางสาวบัวผันแล้ว
ภาพจากกล้องวงจรปิด ในช่วง 02.00 น. ของคืนวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เผยให้เห็นเหตุการณ์ตอนที่กลุ่มวัยรุ่น 5 คน พยายามไปอุ้มนางสาวบัวผัน ตันสุ หรือ กบ อายุ 47 ปี ซึ่งนั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ขึ้นรถจักรยานยนต์ แต่ป้ากบดิ้นจนร่วงจากรถจักรยานยนต์ แล้ววิ่งหนีกลับมาอีกฟากถนน วัยรุ่นกลุ่มนี้ จึงขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมา และพยายามวิ่งเข้าไปจับตัว แล้วหนึ่งในนั้นเตะเข้าที่ใบหน้าของนางสาวบัวผัน จนหงายหลัง จากนั้นพยายามอุ้มขึ้นรถอีกครั้ง แต่นางสาวบัวผันดิ้นจนร่วงลงพื้นอีกสองครั้ง แต่ในที่สุดก็อุ้มสำเร็จ แล้วนำนางสาวบัวผัน ไปทิ้งที่สระน้ำข้างโรงเรียนศรีอรัญโญทัย ในเขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ก่อนที่จะมีผู้พบศพในวันที่ 12 มกราคม ในสภาพมีบาดแผลบริเวณศรีษะและใบหน้า คาดว่าถูกทำร้ายจนเสียชีวิตจึงนำมาโยนทิ้งสระน้ำเพื่ออำพราง
คดีนี้ตอนแรกตำรวจพุ่งเป้าไปที่นายปัญญา แสงคำ หรือ ลุงเปี๊ยก อายุ 54 ปี สามีผู้ตาย ซึ่งเดินทางมาพบตำรวจ และรับสารภาพว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายนางสาวบัวผันจนตาย โดยให้การเป็นฉากเป็นตอน ใช้เก้าอี้ฟาดนางสาวบัวผัน แล้วนำร่างไปทิ้งน้ำ และนำตำรวจไปชี้จุดต่าง ๆ ด้วยตนเอง ตำรวจจึงทำรายงานสืบสวนและนำตัวลุงเปี๊ยกไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสระแก้ว
แต่การให้ปากคำของลุงเปี๊ยกยังวกไปวนมา พนักงานสอบสวนจึงยังไม่เชื่อคำให้การ และตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้ที่เกิดเหตุก็พบว่า ลุงเปี๊ยกไม่ปรากฎตัวในไทม์ไลน์ที่เกิดเหตุตามที่กล่าวอ้าง แต่พบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคดีนี้เป็นเยาวชนจำนวน 5 คน หรือกลุ่มเด็กแว้น ที่รวมตัวกันใกล้ที่เกิดเหตุในคืนนั้น แล้วน่าจะมีปากเสียงกับนางสาวบัวผัน ก่อนจะมีวงจรปิดจับภาพวินาทีรุมทำร้าย นางสาวบัวผันไว้ได้
ที่น่าตกใจ วัยรุ่นกลุ่มนี้ อายุเพียง 13-16 ปีเท่านั้นเอง และทั้งหมดก็ให้การรับสารภาพต่อหน้าผู้ปกครอง อ้างว่า ก่อนหน้าเหตุการณ์ในคลิปเวลาประมาณ 22.00 น. พวกตนรวมตัวอยู่ข้างสระน้ำภายในเทศบาลเมืองอรัญประเทศ มีเพื่อนในกลุ่ม 2 คนไปแหย่นางสาวบัวผัน ซึ่งได้เอะอะโวยวาย แล้วปาขวดใส่กลุ่มของตน ต่อมานางสาวบัวผันเดินหนีไปนั่งหน้าร้านสะดวกซื้อ จึงขี่รถจักรยานยนต์ตามไปทำร้าย และอุ้มนางสาวบัวผันมาทำร้ายซ้ำ จนเสียชีวิต แล้วนำศพไปทิ้งในสระน้ำข้างโรงเรียนอรัญโญทัย ที่ห่างไป 2 กิโลเมตร โดยพบว่าหัวโจกของวัยรุ่นกลุ่มนี้ เป็นลูกของตำรวจชั้นประทวน
ล่าสุดช่วงสายวันนี้ (15 ม.ค.) พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางมาร่วมสอบปากคำเยาวชนทั้ง 5 คน ที่ โดยมี พล.ต.ต.ออมสิน บุญญานุสนธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมอยู่ด้วย
พล.ต.ต.ออมสิน เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นไปตามพยานหลักฐาน และเป็นไปตามข้อกฏหมาย เนื่องจากผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ยังเป็นเยาวชน ต้องร่วมกับสหวิชาชีพสอบปากคำต่อหน้าพนักงานอัยการ คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจน อีกทั้งเยาวชนทั้ง 5 คนก็รับสารภาพหมดแล้ว พร้อมยืนยันคดีนี้ไม่มีมวยล้มแน่ ถึงแม้เยาวชนผู้ก่อเหตุจะเป็นลูกตำรวจก็ตาม ทุกอย่างดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนกรณี นายปัญญา หรือ เปี๊ยก สามีของนางสาวบัวผัน ที่เบื้องต้นรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายและฆ่าเมีย ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ ส่งไปฝากขังที่เรือนจำจังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม เช้าวันนี้ พนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ นำหลักฐานส่งให้ศาล และศาลจังหวัดสระแก้ว ได้ส่งหมายถึงเรือนจำจังหวัดสระแก้ว ให้ปล่อยตัวนายปัญญาแล้ว โดยไม่มีญาติมารอรับแต่อย่างใด จากนั้นพนักงานสอบสวน นำนายปัญญาไปสอบเพิ่มเติมที่ สภ.อรัญประเทศ เนื่องจากสงสัยว่าทำไมจึงรับสารภาพว่าเป็นผู้ทำร้ายและฆ่าเมียตัวเอง
และล่าสุดเรือนจำจังหวัดสระแก้ว ปล่อยตัวนายปัญญา หรือ ลุงเปี๊ยก ออกจากเรือนจำแล้ว โดยลุงเปี๊ยกกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ไปรอสัมภาษณ์ว่า ที่รับสารภาพเพราะชาวบ้านหาว่าตนเป็นคนฆ่าภรรยา ตนจึงรับสารภาพ แต่ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ผู้ต้องหาแล้ว ตนก็พ้นมลทินเรียบร้อยแล้ว ส่วนตำรวจพ่อของเด็ก 1 ใน 5 มีรายงานว่า มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ก่อน
นอกจากนี้ การหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในบริเวณที่พบศพนางสาวบัวผันนั้น มูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศ ได้ดำน้ำหาของกลาง พบของกลางเป็นขาเก้าอี้อยู่ในบริเวณนั้น จึงส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน
เหตุการณ์นี้มี 2 ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามคือตอนนี้เด็กและเยาวชนก่อเหตุอาชญากรรมมากขึ้น จะทำอย่างไร ต้องแก้กฎหมายเพิ่มโทษให้เด็กและเยาวชนหรือไม่ และอีกประเด็นคือกรณีที่ตั้งข้อหาลุงเปี๊ยกไปแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อ
เรื่องนี้ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความเพจทนายคลายทุกข์ กล่าวแสดงความเห็นถึงกรณีตำรวจตั้งข้อหาลุงเปี๊ยก ล่าสุดทราบว่า ลุงเปี๊ยก อ้างว่า เมา ตอนที่ตำรวจพาไปชี้จุด ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าไม่มีสติ ขาดสัมปชัญญะ จึงอาจกลายเป็นเรื่องขาดเจตนา ซึ่งอาจทำให้ไม่มีความผิด แต่คดีนี้มีลูกตำรวจร่วมก่อเหตุด้วย ทำให้คนคิดไปได้ว่า มีคนให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพหรือไม่ แล้วค่อยทำสำนวนอ่อน ๆ เพื่อให้ยกฟ้องในชั้นศาล ส่วนที่แจ้งข้อหาลุงเปี๊ยกไปแล้ว จะถอนข้อหาไม่ได้ ถ้าไม่ได้ทำผิด ต้องมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง กรณีนี้ถือเป็นความไม่ละเอียดของตำรวจ
นายเดชา ยังกล่าวถึง กรณีที่เด็กเยาวชนอายุน้อยลงเป็นผู้ก่อเหตุอาชญากรรมมากขึ้น จนอาจมีเสียงเรียกร้องให้แก้กฎหมายเพิ่มโทษเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิด ว่า เรื่องการทำผิดของเด็กและเยาวชน มีรายงานวิจัยกระบวนการยุติธรรมทั่วโลก ว่ากฎหมายต้องคุ้มครองเด็ก เด็กถือเป็นผู้ไร้เดียงสา มีวุฒิภาวะต่ำ กฎหมายไทยก็คุ้มครอง โดยเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี ไม่ต้องรับโทษเกิน 12 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ให้ใช้วิธีการสำหรับเด็ก ไม่ต้องเข้าคุก อายุต่ำกว่า 18 ปี ลดมาตราส่วนโทษ ซึ่งกระบวนการนี้เป็นสากลดีอยู่แล้ว จึงควรไปดูที่พ่อแม่ว่าเอาใจใส่ลูกมากแค่ไหน ซึ่งจะเป็นเชิงป้องกันมากกว่า
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35