ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ้าของบ้านหลังหนึ่ง โดนเรียกเก็บค่าไฟฟ้าย้อนหลังถึง 7.4 ล้านกว่าบาท สาเหตุเกิดจากมีคนมาเช่าบ้านแล้วลักลอบต่อไฟฟ้าหลวงมาใช้ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เคยบุกทลายไปเมื่อปลายปี 2565
ย้อนกลับไปดูภาพเหตุการณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ตอนนั้นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เข้าตรวจค้น 50 จุดในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดนนทบุรี ปราบปรามการลักลอบต่อใช้กระแสไฟฟ้าโดยไม่ผ่านหม้อแปลง เพื่อใช้ทำเหมืองขุดบิตคอยน์ ซึ่งพบเครื่องบิตคอยน์ไม่ต่ำกว่าจุดละ 30 เครื่อง
โดยหนึ่งใน 50 จุดที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นในวันนั้น คืออาคารพาณิชย์ในซอยสามัคคี 28 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่ระบุว่า การลักลอบใช้ไฟฟ้าดังกล่าว ปกติจะต้องเสียค่าไฟฟ้าขั้นต่ำเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท แต่กลับเสียค่าไฟเดือนละ 300 บาทเท่านั้น และลักลอบทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว
จากเหตุการณ์นั้น เวลาผ่านล่วงเลยมา 1 ปีกว่าเต็ม ๆ มาถึงวันนี้ การไฟฟ้านครหลวงได้เริ่มส่งหนังสือถึงเจ้าของบ้านที่เป็นที่ติดตั้งเครื่องขุดบิตคอยน์ ที่เคยถูกตรวจค้นในตอนนั้น หนึ่งในนั้นคือ คุณคทาธร เจ้าของอาคารพาณิชย์หลังหนึ่ง ในซอยสามัคคี 28 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งถือเป็นจุดใหญ่ของการตรวจค้น
คุณคทาธร บอกว่า อาคารดังกล่าวเป็นชื่อของคุณแม่ แต่เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2564 มีคนไทยมาขอเช่า อ้างว่าจะทำร้านอาหาร จากนั้นแม่ไม่ได้เข้าไปดูอาคารดังกล่าวอีกเลย เพราะว่าคนเช่าจ่ายค่าเช่าด้วยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
กระทั่งต่อมา เกิดเหตุการณ์หม้อแปลงระเบิดในย่านนั้น เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้ามาซ่อมแซม และบอกว่ามีการลักลอบต่อไฟไปใช้ ไม่นานต่อจากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบุกเข้าตรวจค้น และขนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้ยินว่าเป็นการขุดบิตคอยน์ออกไป
คุณคทาธร บอกว่า หลังเหตุการณ์นั้น คนเช่าหนีไปติดต่อไม่ได้อีกเลย และตอนนั้นเขาคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดำเนินคดีกับคนที่เช่าที่ลักลอบใช้ไฟฟ้า แต่พอมาถึงวันนี้ กลายเป็นผู้ให้เช่าที่โดนเรียกเก็บค่าไฟฟ้าย้อนหลังจากเดือนเมษายน 2564 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นจำนวน 7,479,103.74 บาท จึงต้องนำหลักฐานการให้เช่ามาแสดงให้การไฟฟ้านครหลวงดู เพราะจำนวนเงินมากขนาดนี้ เขากับแม่ไม่มีเงินจ่าย และก็ไม่ได้เป็นคนลักลอบใช้ไฟฟ้าเองด้วย
คุณสมบัติ หล้าพันธ์ ผู้อำนวยการไฟฟ้าเขตนนทบุรี ให้ข้อมูลกับข่าวเย็นประเด็นร้อน ว่า ในการตรวจค้นปลายปี 2565 เฉพาะในพื้นที่ที่การไฟฟ้าเขตนนทบุรี ดูแลอยู่ มีอาคารที่พักลักลอบใช้ไฟฟ้า 32 จุด มูลค่าความเสียหาย 200 กว่าล้านบาท ซึ่งตอนนี้ การไฟฟ้าเขตนนทบุรีทยอยทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของอาคารที่พักเหล่านั้น จ่ายค่าไฟฟ้าย้อนหลัง หากไม่จ่ายฝ่ายกฎหมายอาจต้องดำเนินตามกระบวนการไปจนถึงชั้นศาลเพื่อพิสูจน์กันตรงนั้น ส่วนคดีทางอาญาที่เป็นการลักขโมยกระแสไฟฟ้าไปใช้ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และทำคดีอยู่
ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน เดินทางไปสำรวจอาคารพาณิชย์ ในซอยสามัคคี 28 ที่เคยถูกดีเอสไอเข้าตรวจค้นจับกุมลักลอบต่อไฟฟ้าขุดเหมืองบิตคอยน์ พูดคุยกับคนที่อยู่อาคารติดกันได้ความว่า ช่วง 1 ปี ก่อนที่ดีเอสไอจะเข้ามาจับกุม จะเห็นคนเช่าเป็นครอบครัวคนจีน มีพ่อแม่ลูก มีลูกน้องเป็นคนไทยประมาณ 7-8 คน มาเช่าอาคารพาณิชย์ 3 หลังในซอยนี้
เหตุที่รู้ว่าเป็นคนจีน เพราะได้ยินพูดคุยกันกับครอบครัวเขาเองเป็นภาษาจีน และเวลาที่คุยกับลูกน้องก็จะพูดไทยสำเนียงจีน แต่ว่าจะไม่มีใครเข้ามานอนพักอาศัยในอาคารที่เช่าไว้ มีเพียงแค่ลูกน้องที่เป็นคนไทยสลับหมุนเวียนกันมาเปิดเข้าไปในช่วงเช้า แล้วกลับออกไป
โดยตลอดเวลาที่คนเหล่านี้มาเช่าอาศัยอยู่ มีเสียงอุปกรณ์คล้ายเครื่องอะไรสักอย่างกำลังทำงานอยู่ตลอดวันตลอดคืน กระทั่งดีเอสไอเข้ามาจับกุม จึงรู้ว่ามีการลักลอบต่อไฟฟ้าเข้าไปใช้เพื่อทำเหมืองบิตคอยน์ จากนั้นก็ไม่เคยเห็นคนเหล่านี้อีกเลย
ติดตามประเด็นนี้ในรายการ “ถกไม่เถียง” กับ ทิน โชคกมลกิจ
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35