เช้านี้ที่หมอชิต - มอบตัวแล้ว นายโบ้ ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายภรรยาสาวเสียชีวิต สำนึกผิด คุกเข่าขอขมาแม่ผู้ตาย เจอคำถามจุกอก ไหนบอกว่ารักลูกแม่ ทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้
ภาพขณะที่ นายโบ้ ผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายนางสาวแพรวเสียชีวิต เข้าไปคุกเข่าไหว้แม่ของนางสาวแพรว กล่าวคำขอขมาว่า สิ่งที่ทำผิดไป ไม่ว่าตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ดี ขอให้แม่อโหสิกรรมให้ด้วย ยืนยันว่ารักนางสาวแพรวมาก สิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้ตั้งใจ และสำนึกผิดแล้ว ด้านแม่ของผู้เสียชีวิต ถามกลับทั้งน้ำตาว่า ไหนบอกว่ารักลูกแม่ สิ่งที่ทำ ไม่ใช่คนรักกัน ถ้าคนรักกัน จะไม่ฆ่ากันแบบนี้
คดีนี้เกิดขึ้น หลังน้องของนางสาวเพ็ชรรัตน์ หรือ แพรว อายุ 32 ปี ผู้เสียชีวิต เข้าร้องเพจสายไหมต้องรอด ว่า วันที่ 29 ธันวาคม 2566 พี่สาวถูกสามีซ้อมอาการสาหัส แล้วนำส่งโรงพยาบาล อ้างว่าอยู่ดี ๆ พี่สาวก็ชัก ตัวเขียว สุดท้ายก็เสียชีวิตลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุญาติได้ไปแจ้งความเอาผิดนายโบ้ จนกระทั่งวานนี้ (3 ม.ค.) ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี ควบคุมตัวนายธนวัฒน์ หรือ โบ้ อายุ 34 ปี สามีผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ ซึ่งหลังจากที่นายโบ้ ได้ขอขมาแม่ของผู้เสียชีวิตแล้ว ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายโบ้ว่า ซ้อมภรรยาเสียชีวิตจริงหรือไม่ สาเหตุจากอะไร นายโบ้ ไม่ตอบ บอกเพียงว่า ขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ตำรวจได้สอบปากคำ นายโบ้ และ มารดา นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยมี พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี มาร่วมสอบปากคำก่อนออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า นายโบ้ ยอมรับสารภาพว่าทำร้ายร่างกายภรรยาจริง สาเหตุเกิดจากความหึงหวง แต่ไม่มีเจตนาจะทำให้ถึงแก่ชีวิต
โดยนายโบ้ ได้ใช้มือตบ-ต่อย ไปตามร่างกายฝ่ายหญิง พร้อมอ้างว่า สาเหตุที่ทำให้มีเลือดคั่งในสมอง เกิดจากศีรษะฝ่ายหญิงไปกระแทกกับขอบเตียง ส่วนสาเหตุที่ซี่โครงหัก อาจจะมาจากการต่อย ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะเป็นหมัดผู้ชาย และเมื่อถามว่า เคยทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงก่อนหน้านี้หรือไม่ นายโบ้ อ้างว่า มีเพียงทะเลาะกันทั่วไปเท่านั้น
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย จะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะนำตัวฝากขังในวันนี้ (4 ม.ค.) ส่วนจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ ยังไม่มีความคิดเห็น
ด้านแม่ของนายโบ้ หลังตำรวจสอบปากคำเสร็จ ได้เดินขึ้นรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่ได้ยื่นประกันตัวลูกชายในชั้นพนักงานสอบสวน ขอให้เรื่องทั้งหมดสิ้นสุดแค่นี้ เรื่องหลังจากนี้ ขอให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาล
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ก็มีหญิง อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของนายโบ้ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด บอกว่า เคยถูกนายโบ้ทำร้ายร่างกายเช่นกัน ถึงขั้นต้องหลบหนีไปอยู่ต่างจังหวัด
ผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักกับนายโบ้ ผ่านแอปฯ ติ๊กต็อก เริ่มคบหากันตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ตลอดเวลาที่คบกัน ถูกนายโบ้ทำร้ายร่างกายมาตลอด กระทั่งเดือนมีนาคม 2566 นายโบ้ ขอให้ไปจดทะเบียนสมรสด้วย อ้างว่าอยากมีครอบครัว จึงยอมไปจดทะเบียนสมรส หลังจากนั้นก็ถูกทำร้ายร่างกายมาตลอด เคยถึงขึ้นใช้โซ่ล่ามขาตนเองกับขานายโบ้ไว้ด้วยกัน เพื่อไม่ให้หนีไปไหน ถึงขนาดว่าเวลาเข้าห้องน้ำก็ต้องเปิดประตูทิ้งไว้
โดยนายโบ้นั้นมีนิสัยชอบซ้อมมวย วันดีคืนดีก็ซ้อมเมีย ซึ่งตลอดเวลาที่คบกับนายโบ้มา 7-8 เดือน ถูกซ้อม และหนีมาตลอดถึง 4 ครั้ง และทุกครั้งที่หนี นายโบ้ ก็จะไปตามตัวกลับมา หนักสุดคือขับรถกระบะไปตามหาที่ จ.ลพบุรี ตอนนั้นนายโบ้ใช้ปืนจี้บังคับและอุ้มเธอขึ้นรถด้วย
นอกจากนี้ ทราบว่า ยังมีหญิงผู้เสียหายอีก 1 ราย ที่ติดต่อมายังเพจสายไหมต้องรอด ว่า เคยถูกนายโบ้ทำร้ายในลักษณะเดียวกัน ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สภ.บางแม่นาง จังหวัดนนทบุรี แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน ซึ่งนายเอกภพ จะเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35