“ก้าวไกล” จับมือ “ประชาธิปัตย์” รุมตอกรัฐบาล ตั้งฉายา รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ | เช้านี้ที่หมอชิต

เช้านี้ที่หมอชิต - เปิดม่านอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 นายกเศรษฐา กล่อมสภายาวเกือบ 2 ชั่วโมง แจงใช้งบวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ฐานะการเงิน และแนวทางพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ

 

การประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2567 วาระแรก ในระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม จะใช้เวลาทั้งหมด 43 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง, รัฐบาล 20 ชั่วโมง และประธานในที่ประชุม 3 ชั่วโมง เริ่มเมื่อวานนี้เป็นวันแรก หลังเปิดประชุมในเวลาประมาณ 09.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงหลักการตั้งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2567 วงเงิน 3,480,000 ล้านบาท ครอบคลุมยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง, ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน, ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์, ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม, ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ กระทรวงที่ได้รับการจัดงบประมาณสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และกระทรวงคมนาคม

 

จากนั้นเป็นคิวของผู้นำฝ่ายค้าน นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชำแหละภาพรวมงบ 2567 บอกว่า ผิดหวังกับงบประมาณฉบับนี้อย่างถึงที่สุด เพราะสะท้อนภาพว่ารัฐบาลเศรษฐาเป็นเพียง รัฐบาลรวมการเฉพาะกิจ คือรวมกันเพื่อแบ่งปันอำนาจ แบ่งปันกันกินแบ่งปันกันใช้ชั่วคราว ไม่มีวาระเป้าหมายทางนโยบายที่จะขับเคลื่อนร่วมกันนอกจากนี้ ยังจัดงบแบบเบี้ยหัวแตก ไร้ยุทธศาสตร์ หลายเรื่องเป็นโครงการเดิม ๆ ที่ข้าราชการทำอยู่แล้ว เอามาใส่เหมือนเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ ปกดูดีแต่ไส้ในไม่ตรงปก

 

ขณะที่ฝ่ายค้านมืออาชีพอย่างพรรคประชาธิปัตย์ นำทัพโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ดูเหมือนจะคืนฟอร์มไม่แพ้ทางก้าวไกล ตั้งฉายางบ 2567 ว่างบเป็ดง่อย แถมยังเหน็บว่า เมื่อก่อนเคยบอกยุคลุงตู่กู้เก่ง เป็นนักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แต่พอถึงคิวตัวเองก็กู้หนักเหมือนกัน จึงน่าจะเป็นนักกู้ถุงเท้าชมพู

 

และอีกหนึ่งประเด็นที่นายจุรินทร์ปลุกให้สภาเดือดขึ้นมาจนประท้วงกันวุ่นก็คือ งบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ที่เอาไปทำโครงการยกระดับดูแลผู้ต้องขังให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลหลักสิทธิมนุษยชน โปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติ แต่คำถามก็คือไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องขัง 280,000 คนแล้วหรือยัง เพราะมีข้อเคลือบแคลงจากสังคมว่า ทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มากว่า 120 วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว ซึ่งก็ทำให้ฝั่งเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงทันที ขณะที่ทางประชาธิปัตย์ก็ประท้วงกลับจากประเด็นที่ถูกพาดพิง

 

ในเวลาต่อมา มีการลุกขึ้นชี้แจงจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีของนายทักษิณที่ได้รับการรักษาตัวนอกเรือนจำนานกว่า 120 วันว่า ราชทัณฑ์ไม่ใช่สถานที่ฆ่าคน ใครป่วยก็ต้องออกไปรักษาตัว ทั้งยังโปรยคำหวานกลางสภาว่า นายทักษิณ คือนักสร้างส้นติภาพ กลับมาติดคุกหวังสร้างปรองดอง การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมออกไปไหนไม่ได้ ก็คือเสียอิสรภาพแล้ว ไม่ว่าจะห้องสี่เหลี่ยมขนาดไหน

 

ส่วนข้อกังขาที่ว่าป่วยจริงไหม พ.ต.อ.ทวี บอกว่า ถึงไม่เคยไปเยี่ยม แต่ได้สอบถามแพทย์ตลอดเพราะต้องรับผิดชอบ ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าป่วยจริง มีอาการเยอะ ส่วนการพักรักษาตัวเกินกว่า 120 วัน ต้องให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้พิจารณากับแพทย์ผู้รักษา ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ได้ตรวจสอบและกำลังจะส่งเรื่องมาที่ตน เรายึดกฎหมายเป็นหลัก แต่ในทางการแพทย์มีแพทย์หลายคนบอกว่าท่านป่วยจริง