เช้านี้ที่หมอชิต - เจ้าหน้าที่เรือนจำระดับชำนาญการ ซี 7 ใช้ตำแหน่งตัวเอง ปลอมแปลงเอกสารแอบเบิกเงินของผู้ต้องขังนับร้อยครั้ง ได้เงินไปกว่า 3 ล้านบาท ท้ายที่สุดหนีไม่รอด ตำรวจตามจับกุมได้ ขณะแอบไปทำงานที่บริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง
พันตำรวจเอก ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. นำกำลังเข้าจับกุม นางมทิรา อายุ 45 ปี อดีตเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครสวรรค์ ระดับชำนาญการ (ซี7) ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารแต่กลับปลอมแปลงเอกสาร เพื่อหวังเบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองกำแพงเพชร
โดยพฤติกรรมแห่งคดีคือ เมื่อปี 2556 นางมทิรา ทำงานเป็นข้าราชการระดับซี 7 เรือนจำกลางนครสวรรค์ มีหน้าที่ดูแลบัญชีการเงินของผู้ต้องขัง แต่กลับอาศัยประสบการณ์กว่า 20 ปี จนรู้ช่องว่างในการทุจริต ปลอมแปลงเอกสารใบเบิกเงิน ฉ้อโกงเงินของนักโทษในเรือนจำที่ญาตินำมาฝากไว้ให้ และถึงแม้ผู้ต้องขังทราบเรื่องว่าถูกโกงเงินฝากก็ไม่กล้าร้องเรียน หรือ เรียกร้องให้ตรวจสอบ เพราะเกรงจะถูกกลั่นแกล้งในเรือนจำ จึงจำยอมให้ถูกฉ้อโกงเงิน ทำให้ นางมทิรา เกิดย่ามใจ ก่อเหตุเรื่อยมารวมกว่า 140 ครั้ง คิดเป็นเงินมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท
แต่สุดท้าย มีผู้ต้องขังคนหนึ่งทนไม่ไหว เลือกที่จะร้องเรียนว่าถูก นางมทิรา โกงเงินฝากจากญาติ ทำให้มีการตรวจสอบ แต่ นางมทิรา จมูกไว พอทราบว่าจะถูกตรวจสอบ รีบหลบหนีออกนอกพื้นที่ทันที จากนั้นก็ย้ายไปเรื่อย ๆ จนถูกให้ออกจากราชการและถูกออกหมายจับ
พันตำรวจเอก ศานุวงษ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหารู้อยู่แก่ใจดีว่าถูกตำรวจออกหมายจับ จึงบอกกับทางบ้านว่า หากมีเอกสารหมายเรียก ไม่ต้องติดต่อมาหาตนเด็ดขาด เพื่อตัดช่องทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามได้ ทำให้รอดพ้นการจับกุมเรื่อยมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบเบาะแสสำคัญบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าหนีมาแอบทำงานอยู่บริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดกำแพงเพชร จนเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด
จากการสอบสวน นางมทิรา ให้การรับสารภาพว่าได้ฉ้อโกงเงินของผู้ต้องขังไปจริง ทำไปเพราะต้องการหาเงินออกรถใหม่ป้ายแดง และนำไปใช้หนี้พนันออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่ง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม