แม่ร้อง “ตำรวจอุ้มซ้อม” ลูกชายสาหัส อ้าง “กระโดดรถหนี” 8 ปี คดีไม่คืบ สุดท้ายพิการ !

แม่คาใจ ลูกชายกลายเป็นคนพิการ หลังถูกจับคดียาเสพติด ตำรวจอ้าง "กระโดดรถหนี" ทั้งที่คุมตัวอย่างแน่นหนา ตั้งขอสังเกตุ อาจโดนอุ้มซ้อม ร้องเรียนมาหลายหน่วยงาน ผ่านมากว่า 8 ปี แต่คดีไม่คืบหน้า !

 

 

            วันที่ 27 ธ.ค. 2566 จารี ชิ้นพงษ์ แม่ของผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ลูกชายของตนต้องทนทุกข์ทรมานกลายเป็นคนพิการมาแล้วกว่า 8 ปี หลังจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2558 ลูกชายของตนที่ในขณะนั้นอายุ 34 ปี ถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด เนื่องจากเสพกัญชา ซึ่งตนไม่ค่อยทราบเรื่องเท่าไหร่ เพราะตอนนั้นไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับลูกชาย จากนั้นตำรวจพาตัวลูกชายมาที่บ้านของตน เพื่อมาขอตรวจค้นหายาเสพติดที่บ้านตน แต่ก็ไม่เจออะไร  

 

            ตนจึงได้ให้นำตัวลูกชายไปที๋โรงพักเลย โดยที่ตอนนั้นลูกชายถูกใส่กุญแจมือ และนั่งท้ายกระบะ มีตำรวจนั่งคุมตัวอยู่ 2 คน ซ้ายขวา ทว่าหลังจากนั้น 2 ชั่วโมง ตำรวจโทรมาว่าให้ตนไปดูลูกชายที่โรงพยาบาล อ้างว่า ลูกชายกระโดดรถหนีการจับกุม ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่าอาการของลูกชายนั้นสาหัส สมองบวมถึงขั้นต้องผ่าตัด หลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมง ตำรวจมาบอกกับตนว่าจะไม่เอาเรื่องลูกชายตนแล้ว พร้อมกับขอโทษ ทำให้ตนตั้งข้อสงสัยว่าจะกระโดดหนีได้อย่างไร เพราะ ตอนนั้นลูกชายโดนคุมตัวอย่างแน่นหนา และบาดแผลตามตัวของเขาก็ไม่ได้มีรอยถลอกเลย มีเพียงรอยที่หมอบอกว่าคล้ายโดนบุหรี่จี้

 

            อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ตนยังไม่ได้รับการอธิบายใด ๆ เคยไปร้องเรียนมาแล้วหลายหน่วยงาน ทั้งมณฑลทหารบกที่ 15 ที่ จ.เพชรบุรี, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ท. และ ศูนย์ดำรงธรรม แต่คดีก็ไม่คืบหน้า จึงได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ เพราะว่า คนที่ดูแลลูกชายตอนนี้คือแม่เมียของเขา และตนก็กังวลว่าถ้าวันหนึ่งตนไม่อยู่แล้ว ใครจะดูแลหาข้าวหาปลาให้ทั้งคู่กิน  

 

 

            ฟาก แดนไท ชิ้นพงค์ (โจ) ผู้เสียหาย เล่าเพิ่มว่า วันที่เกิดเหตุ ตนถูกตำรวจที่ชื่อ ยศ และชาย เอาไม้เบสบอลฟาดเข้าที่ศีรษะ อีกทั้งยังถูกเอาไม้เบสบอล ทิ่มเข้าไปที่รูทวารด้วย   

 

 

            ด้าน เดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ กล่าวว่า เคสนี้ ตำรวจมีการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เพราะตามหลักการแล้ว ถ้าไม่มีหมายจับต้องเป็นความผิดซึ่งหน้า ถึงจะจะถูกซัดทอดมาก็ต้องเชิญตัวไปโรงพัก และยิ่งค้นตัว ค้นบ้าน ไม่เจอยาเสพติดของกลาง ก็ต้องปล่อยตัวไป แต่กลับพาตัวเขาขึ้นไปบนเขา จนมาเกิดเหตุการณ์ที่ตำรวจอ้างว่าคุณโจกระโดดรถหนี จนพิการมาถึงปัจจุบัน ซึ่งตนมองแล้วว่า น่าจะรอดยากในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพราะมีการละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

 

 

            ขณะที่ นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน เผยว่า แต่เดิมแล้ว เคสนี้ ตนเป็นคนทำหนังสือส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ท. ขอให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่ 30 ส.ค. 2565 ซึ่งเวลาก็ผ่านมาพอสมควร จึงเรียนทาง ป.ป.ท. รายงานผลกลับไปยังกระทรวงยุติธรรมด้วย เพื่อนำผลแจ้งญาติผู้เสียหาย และจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป 

 

            ด้าน เอกชัย เกษรมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ชี้แจงว่า คดีนี้มีการไต่สวนตามขั้นตอนปกติ แต่ก็ต้องขอโทษด้วยที่เรื่องมันล่าช้า ซึ่งมันเป็นเพราะเคสนี้มีรายละเอียดเยอะ มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนหลายราย ซึ่งต้องตรวจสอบพยานหลักฐาน หรือจากบุคคลผู้ที่ยืนยันได้ และอย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันทางคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้ชี้มูลของคดีนี้แล้ว แต่ไม่สามารถเผยแพร่รายละเอียดได้ เพราะต้องทำสำนวนส่งต่ออัยการ ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์หน้าเราจะแจ้งผลการไต่สวนต่อตัวคุณแม่ และเพื่อให้หน่วยงานอื่นทำงานได้ต่อ และยืนยันได้ว่า ทาง ป.ป.ท. ให้ความเป็นธรรมแน่นอน เพราะเราใช้วิธีการไต่สวนโดยดูจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/4vtsqJZMhKc