ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ครอบครัวน้องชมพู่เตรียมอุทรณ์ เพิ่มโทษลุงพล ฐานพยายามฆ่า ขณะเพื่อนสนิทอย่างป้าถอนบอกว่า หลังจากศาลตัดสินจำคุก 20 ปีลุงพล ทำให้รู้สึกเสียใจ
แม่น้องชมพู่ อุทธรณ์ข้อหา ลุงพล พยายามฆ่า
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่าจากคำตัดสินของศาลก็พอใจ แล้วรู้สึกตื้นตันใจ ขอขอบคุณศาลจังหวัดมุกดาหาร ขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและขอบคุณตำรวจชุดคลี่คลายคดี ที่ทำให้ความจริงปรากฎว่า น้องชมพู่ไม่ได้เดินขึ้นเขาไปเสียชีวิตเอง แต่มีคนทำให้เสียชีวิตและศาลก็ตัดสินมาแล้วว่า จำเลยที่ 1 คือ ลุงพล มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่
ซึ่งในส่วนของคดีที่จะมีการอุทธรณ์เพิ่มโทษนั้น ตนเองได้ปรึกษากับทนายแล้วว่าจะเพิ่มโทษในข้อหา 288 ฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งผล ตามที่อัยการได้มีการยื่นไปตอนแรก แต่เมื่อวานนี้ศาลได้มีการพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
หลังจากนี้ก็น่าจะมีการหารือในรายละเอียดกับทีมทนายความให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนจำเลยที่ 2 คือ ป้าแต๋น ตนเองเชื่อว่าก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนปรึกษาทนายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้าน นายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความแม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่าในส่วนของจำเลยที่ 1 ได้ลงโทษไป 2 ข้อหา จำคุกรวม 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้อง อย่างไรก็ตามมีหลักฐานบางส่วนที่เรามองตามข้อเท็จจริง ถ้าตามความเป็นจริงเด็กอยู่บ้านไปถึงบนเขา 1.2 กิโลเมตร หากเราอุ้มเด็กหรือเราสัมผัสเด็ก ทั้งลมหายใจ และการเต้นของหัวใจ เชื่อว่าทุกคนจะรู้ว่าเด็กมีชีวิตอยู่หรือไม่ และมีของเด็กเล่นไปตกอยู่บนเขาด้วย เราเชื่อว่ามีคนที่เอาเด็กไป และมีคนหยิบของเล่นเด็กไปด้วย นี่คือที่เรามองแตกต่างและจะใช้สิทธิตรงนี้ยื่นอุทธรณ์ต่อไป รวมทั้งจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนเราก็เชื่อว่ามีการนำเด็กไปปล่อยโดยเจตนา
ทนายความยังบอกอีกว่า ตนเองจึงมองว่าพยานหลักฐานที่เรานำสืบมามีเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำนิจฉัยได้ และคงใช้สิทธิอุธรณ์ต่อไป คดีนี้แม้ว่าจะไม่มีประจักษ์พยานก็ใช่ว่าจะไม่สามารถลงโทษได้ เพราะอาชญากรจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ คดีนี้ยอมรับว่ายาก แต่ความร่วมมือทุกฝ่ายพยายามค้นหาความจริง เราจึงต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ และบุคคลพยานแวดล้อมต่าง ๆ
ขณะที่ตัวละครสำคัญอีก 1 คน คือ ป้าถอน ที่เป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทของลุงพล ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องน้องชมพู่หายตัวไปจะคอยอยู่เคียงข้างลุงพลเสมอแม้กระทั่ง พ่อแม่ของน้องชมพู่สงสัยในตัวลุงพล ป้าถอน บอกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่อยู่ใกล้ชิดกับลุงพล ตนเองเชื่ออย่างสนิทใจว่าลุงพลบริสุทธิ์ และลุงพลไม่เคยเผยพิรุธอะไรให้เห็นเลย กล้าไปวัด กล้าสาบานและก็เป็นคนติดต่อหาพระช่วยจัดการเรื่องงานศพน้องชมพู่
แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตำรวจสอบปากคำชาวบ้านในหมู่บ้านกกกอก และไปสอบปากคำพ่อแบม พยานคนสำคัญ ที่ให้ไทม์ไลน์ช่วงเวลาที่พบเห็น ลุงพล ในสวนยาง ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายตัวไปทำให้ตำรวจพุ่งเป้าสงสัยไปที่ตัวลุงพล และลุงพลไม่พอใจในคำให้การของพ่อแบม ลุงพลเคยมาบ่นกับตนซึ่งก็ยังพูดเตือนไปว่า ใครจะให้การอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เรามีคำให้การของเราก็พูดไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งก็ไม่คิดว่าลุงพลจะเป็นคนทำ จนมาถึงวันนี้ศาลตัดสินว่าลุงพลเป็นคนทำ ทำให้รู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าคนที่พูดมาตลอดว่ารักน้องชมพู่ จะเป็นคนลงมือทำกับน้องแบบนี้
ส่วนประเด็นที่ ป้าถอน แยกตัวห่างจากลุงพล เพราะหลังจากที่ลุงพลเริ่มดังมีแฟนคลับมี Youtuber ตามติดชีวิตทำให้ลุงพลเปลี่ยนไป และลุงพลก็จะให้ความสำคัญกับยูทูเปอร์และแฟนคลับ หลังจากนั้นทำให้ตนมีปากเสียงกับยูทูเปอร์ลุงพล จึงตีตัวออกห่าง
เปิดหลักฐานสำคัญ เส้นผมน้องชมพู่ บนรถ ลุงพล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลักฐานเด็ดที่ศาลหยิบยกขึ้นมาในการตัดสินคดีเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) คือ เส้นผมของน้องชมพู่ โดยบริเวณที่พบศพน้องชมพู่ อยู่บนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากจุดที่มีคนพบเห็นน้องครั้งสุดท้ายประมาณ 1.5 กิโลเมตร และเป็นทางลาดชัน
โดยตำรวจพบว่า ศพของน้องชมพู่ ถูกตัดผม 1 จุก ซึ่งตรงรอยตัดมีจุดเด่น ด้วยการใช้ของมีคมตัดจนขาด แต่รอยสับไม่คม ส่วนบริเวณรถของลุงพล พบเส้นผม-เส้นขน รวม 16 เส้น 14 เส้นอยู่ตรงช่องวางแก้วน้ำ ตรงกลางรถ อีก 1 เส้น ตรงเบาะที่นั่งด้านหน้าขวา และอีก 1 เส้น ตรงที่วางเท้า เบาะที่นั่งหลังด้านขวา ซึ่งหนึ่งในเส้นผมที่เจอ เป็นของน้องชมพู่ ที่มีองศาของรอยตัด หน้าตัด และพื้นผิวด้านข้าง ตรงกันกับเส้นผม 2 เส้น ที่ตรวจเก็บได้จากบริเวณพบศพ
โฆษกยุติธรรมชี้ปมอธิบดีศาลภาค 4 หัวหน้าศาล เห็นแย้งยกฟ้อง ลุงพล
โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจง กรณีอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 4 และหัวหน้าศาลมุกดาหาร มีความเห็นแย้งควรยกฟ้อง ลุงพล คดีน้องชมพู่เสียชีวิตไม่มีผลโดยตรงต่อการวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ ย้ำผู้พิพากษามีอิสระพิจารณาคดี
นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผย กรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษาจำคุก นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล จำเลยคดีน้องชมพู่ จำคุก 20 ปี ว่า สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนที่ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าควรยกฟ้อง (เห็นแย้ง) เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัยนั้น คำเห็นแย้งก็จะอยู่ในสำนวนประจำคำพิพากษา เมื่อเวลาคดีขึ้นสู่ศาลชั้นอุทธรณ์องค์คณะศาลอุทรณ์ก็จะเห็นทั้งตัวคำพิพากษาศาลชั้นต้นและความเห็นแย้ง ซึ่งทางองค์คณะศาลอุทธรณ์จะเอาข้อมูลทั้งหมดในสำนวน ไม่ว่าจะเป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้น รวมทั้งความเห็นแย้งต่าง ๆ ข้อที่คู่ความอุทธรณ์ขึ้นมาประกอบในการพิจารณา เพื่อทำคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ แต่ความเห็นแย้งดังกล่าวคงไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนคำพิพากษาชั้นอุทรณ์โดยตรง เพราะตัวความเห็นหลัก ยังเป็นความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาศาลชั้นต้น เพราะองค์คณะผู้พิพากษาเป็นคนสืบพยานเป็นผู้ที่เห็นข้อเท็จจริงในตอนที่พยานมาเบิกความ
เห็นข้อเท็จจริงพยานหลักฐานต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ส่วนน้ำหนักความเห็นแย้งจะมีมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับมุมมองขององค์คณะผู้พิพากษาชั้นอุทธรณ์ หากยังเห็นคล้อยไปตามเสียงข้างมากขององค์คณะผู้พิพากษาก็เป็นดุลยพินิจของศาลในชั้นอุทธรณ์ ที่จะต้องวิเคราะห์วินิจฉัยจากข้อเท็จจริงจากคำเบิกความที่รับฟังมา ทั้งคำเบิกความพยาน พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ มาประกอบกัน แล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์กับคำเบิกมีสอดคล้องกันเพียงพอเชื่อมั่นได้ว่าจำเลยน่าจะเป็นคนที่กระทำความผิด
พร้อมระบุว่า การเห็นแย้งของหัวหน้าศาลและอธิบดีศาล เคยเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะและก่อนหน้านี้ในศาลใหญ่ ๆ ก็เคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกันไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ เพราะเป็นเรื่องของการตรวจสำนวนตั้งข้อสังเกตไว้ชั้นสำนวนปกติ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่ผิดปกติไป ที่ผ่านมาจะเห็นบางคดีที่มีการอุทรณ์หรือฎีกาขึ้นไป คำพิพากษาของศาลชั้นสูงก็อาจแตกต่างไปอาจจะกลับหรือแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้ เพราะแม้พยานหลักฐานชุดเดียวกันแต่อาจจะมีความเห็นหรือมุมมองที่ต่างกันได้ ผู้พิพากษาแต่ละท่านก็จะใช้ประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวมาดู และแต่ละคนก็มีมุมมองที่แตกต่างกัน
ส่วนนักกฎหมายที่ออกมาแสดงความเห็นนั้น ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียดว่าออกมาแสดงความเห็นกันอย่างไรบ้าง แต่กระบวนการตรงนี้เป็นกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว ที่องค์คณะผู้พิพากษามีอิสระในการรับฟังพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในการวินิจฉัยไปตามเหตุและผลจากพยานหลักฐาน ส่วนความเห็นแย้ง เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากที่ให้อำนาจหัวหน้าศาลและอธิบดีศาลภาคไว้
ทนายรณณรงค์ เผยรู้อยู่แล้วลุงพลไม่รอด เพราะคำให้การของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามกรณีดังกล่าวกับทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง กล่าวว่า คดีลุงพลว่า เป็นไปตามคาดการณ์เพราะผู้ที่ลงมาทำคดีนี้คือผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากเอาผิดใครไม่ได้คงจะไม่ใช่
ตอนนี้ศาลลงโทษจำคุก จากหลักฐานในคำพิพากษา ตำรวจสงสัยว่าลุงพลเป็นบุคคลที่ทำให้น้องเสียชีวิต สาเหตุมาจากอะไร โดยที่ผ่านมาลุงพลโกหก ทั้งที่อยู่ เวลา ซึ่งข้อมูลตรงนี้สำคัญมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่น้องหายตัวไป จากจุดเริ่มต้นตรงนี้จึงได้มีการขยายผล โดยนำพยานเข้ามาสืบรวมถึงนิติวิทยาศาสตร์ที่เข้ามาพิสูจน์ จนนำไปสู่การลงโทษในศาลชั้นต้น เพราะคนทำคดีคือ ผบ.ตร. คงไม่ยอมให้เสียหน้าอย่างแน่นอน
ลุงพล โชว์ลูกคอร้องเพลง
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังทำพิธีบายศรีสู่ขวัญเสร็จ ลุงพลก็คว้าไมค์โชว์ลูกคอ โดยเป็นเพลงที่แฟนคลับแต่งให้ลุงพลโดยเฉพาะ โดยเนื้อเพลงท่อนนี้บรรยายถึงความน้อยเนื้อตำใจ ว่า ลุงพลเป็นผู้ถูกกล่าวหา และไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35