คู่รักฝันสลาย ถูกเก๋ง-บัส ซิ่งชนสาหัส ไร้เยียวยา แพลนวิวาห์ล่ม ซ้ำคดีไม่คืบ !

คู่รักสุดเศร้า ตกเป็นเหยื่อของการซิ่งแข่งกันของ รถเก๋ง-บัส ที่ขับปาดกันไปมา จนสุดท้ายเสียหลักข้ามเลนพุ่งมาชนพวกเขา จนอาการบาดเจ็บสาหัส ผ่านมากว่า 5 เดือน คดียังไม่คืบหน้า 

 

 

            วันที่ 20 ธ.ค. 2566 วิยะดา บุญสิงห์ (อุ้ย) ผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 ระหว่างตนกำลังซ้อนจักรยานยนต์ของแฟน ไปเข้างานกะดึก ปรากฎว่าอยู่ดี ๆ ก็มีรถเก๋งขับเสียหลักข้ามเลนมาพุ่งจะชนจักรยานยนต์ของตน ซึ่งตนก็ขับมาด้วยความเร็วเช่นกัน จึงเบรกไม่ทัน ทำให้ชนเข้าอย่างแรง จนตัวลอยขึ้นกลางอากาศ ตนสลบไปเลยในที่เกิดเหตุ 

 

            ขณะที่อาการบาดเจ็บนั้น ไตช้ำ ตับช้ำ ซี่โครงหัก เลือดคั่งในสมอง ขาหัก เย็บ 40 เข็มต้องใส่เหล็กดาม และต้องใส่เหล็กดาม และตอนนี้ก็ยังไม่สามารถกลับมาเดินได้ปกติ ทั้งนี้ตนต้องรักษาตัวกว่า 14 วัน ทำให้ถูกที่ทำงานปลดออกจากงาน เพราะ รักษาตัวนานเกินไป อีกทั้งยังดูแลครอบครัวไม่ได้กลายเป็นครอบครัวมาดูแลเราแทน และยังมีวางแพลนกับแฟนว่าจะเก็บเงินแต่งงานกัน แล้วทุกอย่างก็ต้องพังหมด เพราะถูกรถชน 

 

 

            ด้าน ณัฐพล แก้วกัน (บอม) ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า อาการบาดเจ็บของตนหนักมาก ขาหัก แขนหัก  ปอดช้ำ ตับแตก ตับอ่อนฉีกขาด บาดเจ็บบริเวณสะโพก ข้อมือผิดรูป เย็บรวมกันกว่า 300 เข็ม และตอนนี้ยังไม่สามารถกลับมาเดินได้ปกติ รักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 30 วัน 

 

 

            ฟาก วันดี คำอ้อ (วัน) แม่ของอุ้ยผู้บาดเจ็บ เผยว่า หลังจากเกิดเหตุ คู่กรณีฝั่งรถบัสมีมามอบให้แค่กระเช้า จนวันที่ตำรวจนัดไปคุยกันทุกฝ่าย โดยเขาชี้ให้เป็นประมาทร่วมทั้งฝ่ายรถเก๋ง และรถบัส จากนั้นฝั่งรถเก๋งก็ไม่พอใจ ซึ่งลุงของฝ่ายรถเก๋งเป็นคนปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ผิด ถ้ารถบัสไม่ชน รถเก๋งก็จะไม่ไปชนลูกสาวตน ซึ่งลุงของเขาดูเป็นผู้อาวุโส รุ่นใหญ่

 

            พวกเขาเอาแต่เถียงกัน จนทำให้รูปคดีมันไปต่อไม่ได้ ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยขอให้เขามาเยียวยาตนก่อนบ้าง เนื่องจากมันมีค่าใช้จ่ายเยอะ อีกทั้งต้องมีจ้างพยาบาลมาเฝ้าลูกแทน และตนก็เป็นคนเดินเรื่องเองคนเดียว จากนั้นฝั่งรถบัสจึงได้เข้ามาเยียวยาให้ลูกตน และบอม คนละ 15,000 บาท นอกจากนี้ นอกจากนี้ หลังจากทุกฝ่ายคุยกันเสร็จแล้ว ตำรวจมาปรับทุกข์กับตน บอกว่า เครียดมาก เนื่องจากมีคนฝากดูแลคดีฝั่งรถเก๋ง

 

 

            ด้าน ญาณิกา เพชรกล้า (โบว์) พี่สาวของบอมผู้บาดเจ็บ เผยว่า ตอนที่เกิดเหตุ ตอนนั้นตนตกใจมาก แม่ตนก็ตกใจมาก ต้องรีบเดินทางจากต่างจังหวัด เพื่อเข้ามาดูอาการเพราะน้องอาการสาหัสมาก ขณะที่เรื่องคดี ตำรวจแจ้งกับตนว่า ฝั่งรถบัสกับรถเก๋ง เขาตกลงกันไม่ได้เอาไว้ค่อยนัดมาคุยใหม่ แต่ผ่านมาแล้วกว่า 5-6 เดือน ก็ยังไม่เคยนัดพวกเขาได้อีกเลย น้องทั้ง 2 คนที่บาดเจ็บ ยังไม่เคยมีใครได้เจอกับคู่กรณีทั้ง 2 ฝั่งเลย 

 

 

            ขณะที่ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว ทั้งฝั่งรถบัส และรถเก๋ง ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย เพราะ ทั้งคู่มีการขับปาดใส่กัน เบิ้ลเครื่อง ยียวนใส่กัน จนความซวยไปตกกับผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คน มันเป็นความสะเพร่าของทั้งคู่ ซึ่งตนมองว่าพนักงานสอบสวนควรยึดรถ เพราะเป็นความผิดฐานขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายต่อกาย หรือจิตใจ ซึ่งเขาไม่ได้ทำ ขณะเดียวกันเมื่อวาน(19 ธ.ค.) ตนได้ประสานไปยัง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา และผู้กำกับ สภ.อุทัย โดยผู้บังคับการมีคำสั่งให้นำคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มาเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บ 

 

 

            สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย มีการขับรถแข่ง ปาดหน้ากันไปมา มีความผิดฐานขับรถประมาทน่าหวาดเสียว ข้อนี้ปรับไม่เกิน 4,000 บาท ต่อมามีการเบรกชนกัน จะเข้าข่ายผิดฐานขับรถไม่คำนึงต่อขีวิตหรือร่างกายถึงผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท จากนั้นหลังจากมีการชนกัน รถกระเด็นไปชนจักรยานยนต์ ตำรวจต้องตั้งข้อกล่าวหาต่อทั้ง 2 ฝ่าย ในข้อหา ร่วมกันประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

 

            ด้าน น้อย ตัวแทนบริษัทของรถบัสคู่กรณี ชี้แจงว่า ยืนยันว่า ไม่ได้มีการขับแข่งกัน เพราะบนรถบัส มีพนักงานอยู่ หากขับไม่ดีจะโดนพนักงานรายงานด้วยแล้วจะไม่ได้ขับรถต่อ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นช่วงระหว่างไฟแดง เป็นความเข้าใจผิดของรถเก๋ง คิดว่ารถบัสไปเบียดไม่ให้เขาแซงขวา เพราะ ตอนช่วงก่อนข้ามไฟแดง ถนนมันเป็น 3 เลน แล้วรถเก๋งเขาอยู่เลนขวาสุดซึ่งอยู่นอกเลน ขณะที่รถบัสนั้นจอดไฟแดงอยู่เลนกลาง จากนั้นรถเก๋งก็จะถูกบีบทำให้เขาไม่มีช่องจราจร แต่เขากลับคิดว่ารถบัสเบียด แล้วก็มาเบรกถามว่ารถบัส จากนั้นก็ขับ ๆ หยุด ๆ ส่วนที่รถบัสกระพริบไฟใส่ เพราะต้องการเตือนเขา 

 

            ซึ่งรถเก๋งเขามาขับ ๆ หยุด ๆ กระทั่งก่อนช่วงจะชน รถเก๋งเขาจอดอีกครั้งทั้งที่ข้างหน้าไม่ได้มีรถ บวกกับรถบัสใช้ระบบเบรกลม พอเบรกบ่อย  ลมหมด มันทำให้เบรกไม่อยู่ จึงได้ชนเข้าไป อย่างไรก็ตามฝั่งรถบัสไม่ได้ปฏิเสธ ไม่ได้หนีอะไร หากมีการตัดสินว่ามีความผิด ขณะที่ฝั่งรถเก๋ง เขาไม่ยอมที่จะประมาทร่วม เขาบอกอยากได้ให้ฟ้องเอา 

 

              ทั้งนี้ทีมงานรายการถกไม่เถียงได้มีการติดต่อไปยังท่าน พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย เพื่อขอข้อมูลความคืบหน้าคดี โดยท่านผกก.ได้อัปเดตว่า จากที่ได้พิจารณาคลิปเหตุการณ์จะเห็นได้ชัดเจนว่ารถเก๋งแซงมาจริง แต่รถเก๋งทิ้งระยะห่างมาพอสมควรแล้ว และดูจากหลักฐานกล้องวงจรปิดรถเก๋งมีเหตุอันควรที่จะชะลอรถในบริเวณที่เกิดเหตุ แต่รถบัสประมาทจึงทำให้เกิดการชนท้ายรถเก๋ง ส่งผลให้รถเก๋งกระเด็นมาโดนผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นสรุปความเห็นว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการประมาทของรถบัสฝ่ายเดียว เชื่อว่าทางรถเก๋งไม่ได้มีส่วนในการกระทำผิดแต่อย่างใด