หนุ่มร้อง ติดคุก 6 ปี ในระหว่างนั้นแม่เสียชีวิต ถูกเครือญาติขู่บังคับเซ็นเอกสารอะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายออกจาคุก สมับติที่ดินมรดกของแม่ ถูกแบ่งไปให้พวกเขา มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ทั้งที่ตนเองเป็นลูกคนเดียว !
วันที่ 19 ธ.ค. 2566 ปรีชา เครือพลอย (ตั้ม) ผู้ที่อ้างว่าถูกโกงมรดก ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อปี 2553 ตนถูกจับดำเนินคดี จำคุกที่เรือนจำนนทบุรี 6-7 ปี กระทั่งวันที่ 5 ม.ค. 2560 ลูกพี่ลูกน้องได้เอาเอกสารมาให้ตนเซ็น ตนถามว่าเอกสารอะไร เขาก็ไม่ตอบ และตนก็อ่านหนังสือไม่ออกด้วย เพราะเรียนไม่ได้สูง ไม่จบกระทั่งป.6 เลยตัดสินใจไม่เซ็นเอกสารดังกล่าว ต่อมาประมาณ 1 สัปดาห์ ญาติคนนี้เข้ามาเยี่ยมตนในเรือนจำใหม่ โดยมาพร้อมผู้คุมเรือนจำ ซึ่งครั้งนี้เขาให้ผู้คุมเรือนจำเป็นคนนำเอกสารมาให้ตนเซ็น
ตนได้ขอให้อ่านเนื้อหาของเอกสารให้ฟัง ทางผู้คุมบอกตนว่า "เซ็นไปเหอะ ไม่มีเนื้อหาอะไรสำคัญ ถ้าไม่เซ็นเดี๋ยวเจอกูในกองงาน" ตนกลัวเขาจะมาซ่อมก็เลยต้องเซ็น โดยที่ไม่รู้ว่าในเอกสารคือเอกสารอะไร จากนั้นปี 2561 ตนถูกปล่อยตัวออกมา จึงมาทราบว่าทางกลุ่มเครือญาติได้ไปร้องขอต่อศาลเป็นผู้จัดการมรดกของแม่ตน นอกจากนั้นยังพบว่าแม่ตนได้มีการทำพินัยกรรมยกที่ดินให้กลุ่มเครือญาติ ซึ่งตนมาทราบภายหลังโดยตรวจสอบเอกสารพินัยกรรม พบว่าลายเซ็นในพินัยกรรมไม่ใช่ลายเซ็นของแม่ตน
ด้าน ศิริลักษณ์ จันทร์อ้น (แหม่ม) ภรรยาผู้ที่อ้างว่าถูกโกงมรดก เล่าต่อว่า ช่วงปี 2563 แฟนอยากจะแต่งงาน เขาอยากหาเงินสินสอดมาสู่ขอ จึงได้ไปคุยกับพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง พี่เขาก็เลยแนะนำให้ไปเดินเรื่องขายที่ของแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ทว่าพี่สาวให้ดูโฉนดที่ดิน แต่ชื่อเจ้าของที่มันกลับไม่ชัด จึงได้ไปสืบทางกรมที่ดิน ปรากฏว่า มีทั้งหมดกว่า 8 ที่ รวมแล้ว 100 กว่าไร่ ที่แม่ของแฟนเคยเป็นเจ้าของ ซึ่งตอนนั้นแฟนรู้ว่าแม่มีทรัพย์สมบัติที่ดิน แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะเยอะขนาดนี้
ทว่า ญาติ ๆ ของแฟน บอกว่าตอนนี้ที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ของตั้ม เพราะว่าแม่ของตั้มได้ทำพินัยกรรมแบ่งที่ดินให้พวกเขาด้วย ทั้งหมด 7 คน รวมตั้มแฟนของ เมื่อขอเขาดูพินัยกรรม เขาก็ไม่ให้ดู ให้ไปหาดูเองที่ศาล เมื่อตนไปหาดูจากพินัยกรรมก็พบว่า ผู้จัดการพินัยกรรมคือหนึ่งในเครือญาติ และแม่แบ่งพินัยกรรมให้กับเครือญาติจริง ทั้งที่แฟนเขาเป็นลูกคนเดียว แถมญาติ ๆ ก็เป็นญาติห่าง ๆ ด้วย อีกทั้งลายเซ็นในพินัยกรรมของแม่ ตั้มบอกว่ามันดูไม่เหมือนลายเซ็นของแม่เลย
นอกจากนี้ เคยมีการคุยกับเครือญาติของตั้มว่า ทำไมแม่ถึงยกสมบัติให้พวกเขาด้วย ซึ่งได้คำตอบว่า แม่ยกให้พวกเขาด้วยความเสน่หา และยังบอกอีกว่า จริง ๆ แล้วแม่จะไม่ยกให้ตั้มเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขาขอร้องไว้ ทว่ามันดูสวนทางกับความเป็นจริงที่ญาติ ๆ เคยพูดมาว่า ตั้มเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่รักและตามใจทุกอย่าง เวลาไปโรงเรียนนั่งรถหรูไปโรงเรียน อยากได้อะไรพ่อแม่ซื้อให้ ทำให้ หมดเงินเป็นล้าน เขาให้หมด และทรัพย์สมบัติมีหรือที่แม่จะไม่ยกสมบัติให้ ตนจึงได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม
ฟาก นนทรานุวัตร พรมจันทร์ (บอย) ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตอนนี้ตนได้พาตั้ม และแฟน ไปพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ แล้ว เบื้องต้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างออกหมายเรียกกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะพยาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในใบผู้จัดการมรดก โดยจะเรียกมาเพื่อสอบถามรายละเอียด และจะนำเข้าไปสู่ขบวนการยุติธรรมต่อไป ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ตนเข้ามาช่วยเคสนี้ มีบุคคลไม่ทราบชื่อ มาขู่ตนให้หยุดช่วยเรื่องนี้ ถ้าไม่หยุดเขาจะจัดการ
ขณะที่ สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า ตนอยากให้ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี และอธิบดีราชทัณฑ์ เรียกเจ้าหน้าที่เรือนจำ ที่มาบังคับให้ตั้มเซ็นเอกสาร มาตรวจสอบ ทั้งนี้การทำพินัยกรรมของเคสนี้ มันก็แปลก เพราะลูกซึ่งเป็นทายาทคนเดียวไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดก ทว่า มันก็สามารถเป็นไปได้ โดยการทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง ซึ่งสามารถให้คนบุคคลภายนอกมาเป็นได้ หรือมาเป็นทายาทก็ได้ แต่เคสนี้ไม่ใช่พินัยกรรมฝ่ายเมือง
ทั้งนี้ยังมีอีกเรื่องที่น่าแปลกใจ คือ โดยปกติแล้วการทำพินัยกรรมโดยที่เจ้าของพินัยกรรมป่วยไม่มีสติสัมปชัญญะมันทำไม่ได้ แต่เคสนี้แม่ของตั้ม ตอนที่ทำพินัยกรรมนั้น เขาป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิต ซึ่งลบายเซ็นของแม่ที่มันดูเขียนหวัด ๆ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีสติสัมปชัญญะก็ได้ อีกทั้งผู้จัดการมรดกเคสนี้นั้น ยังเป็นพยาบาลวิชาชีพด้วย ไม่รู้ว่าทำงานที่เดียวกับที่แม่ของตั้มรักษาตัวหรือไม่ มันเป็นหนึ่งข้อพิรุธที่น่าสงสัย จึงอยากให้ตั้มและแฟนเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้กับพนักงานสอบสวน และให้รีบไปที่ศาล ขอให้ศาลระงับการขอคืนเอกสารจากผู้ร้อง เผื่ออีกฝ่ายเอาต้นฉบับพินัยกรรมไป เราจะไม่มีต้นฉบับส่งตรวจ
ด้าน พ.ต.อ. พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ. รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า ตอนนี้ฝ่ายผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความแล้ว ตนได้ให้เขากลับไปรวบรวมเอกสารทั้งหมดมาให้ ส่วนทางตำรวจจะสอบสวน และจะรีบดำเนินการ หากส่วนไหนเกี่ยวกับหน่วยงานอื่น เราจะรีบส่งหนังสือไป อย่างเช่น ต้นฉบับพินัยกรรมที่มีปัญหา เราจะรีบส่งเรื่องเพื่อนำมาตรวจสอบ ขณะที่พยานบุคคล หรือพยานแวดล้อม เราจะรวบรวมมาสู่สำนวนทั้งหมด
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 - 18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35