เช้านี้ที่หมอชิต - พ่อสุดช้ำ ลูกสาวเรียนปริญญาเอกใกล้จบได้เป็นดอกเตอร์ แต่กลับถูกหนุ่มเมาไม่พอใจมอเตอร์ไซค์จอดรถทับที่ตัวเอง บุกโวยวาย ทุบห้อง จนลูกสาวตกใจปีนหนี สุดท้ายตกตึกชั้น 6 เสียชีวิต
พ่อเศร้า ลูกสาว ป.เอก ถูกหนุ่มทุบห้อง ปีนหนีตกตึกดับ
นายสมชาย สีชำนาญ อายุ 60 ปี ร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังจาก นางสาวอาภาพร สีชำนาญ 29 ปี หรือ น้องเฟิร์น ลูกสาว นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ตกตึกชั้น 6 เสียชีวิต ที่แมนชันแห่งหนึ่ง ในซอยลาดปลาเค้า 3 เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
นายเอกภพ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ คือ คืนวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ชายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นสามีของผู้จัดการแมนชัน ขึ้นไปเคาะประตูห้องดังมาก และส่งเสียงดังโวยวาย เพราะเข้าใจว่า ผู้เสียชีวิตไปจอดรถมอเตอร์ไซค์ทับที่จอดของตัวเอง นายเอกภพ พูดตอนแรกว่า เป็นสามีผู้จัดการ แต่มาภายหลัง ป้าแม่บ้านแจงว่า ไม่ใช่
ช่วงเกิดเหตุ น้องพักอยู่ชั้น 6 รีบแช็ตไปบอกเพื่อนที่อยู่ชั้น 3 ให้ช่วยเหลือ แต่เพื่อนไม่กล้าขึ้นไปช่วยเพราะเกรงว่า ผู้ก่อเหตุอาจมีอาวุธ จึงรีบลงไปที่ชั้น 1 เพื่อเรียก รปภ. แต่ระหว่างนั้น น้องกลัวผู้ก่อเหตุจะพังห้องเข้ามา จึงหนีออกไป ด้วยการปีนระเบียงหลังห้องจะข้ามไปยังห้องข้าง ๆ แต่กลับพลัดตกตึกจากห้องพักชั้น 6 เสียชีวิต
หลังเกิดเหตุ พบว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการมึนเมาคล้ายดื่มสุรา ล่าสุดผู้ก่อเหตุขอโทษกับแม่ของน้องแล้ว ส่วนที่มีการจอดทับที่มอเตอร์ไซค์ สรุปแล้วไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ของผู้เสียชีวิต แต่เป็นมอเตอร์ไซค์ของคนอื่น เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน
แต่ดำเนินคดีแค่ 3 ข้อหา คือ 1.บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน 2.ส่งเสียงทำให้ตกใจ และ 3.ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว แต่กลับไม่พิจารณาเเจ้งข้อหาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ด้าน นายสมชาย พ่อของผู้เสียชีวิต บอกว่า ลูกสาวเป็นคนกลัวเสียงดังตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เกิดขึ้นเสียใจอย่างยิ่ง เพราะลูกสาวเรียนเก่งและเป็นนักเรียนทุน อีกไม่กี่เดือนก็จะจบและได้เป็น ดร. แต่กลับต้องเสียชีวิตจากการกระทำของคนที่ขาดสติมึนเมา อยากให้ผู้ก่อเหตุมีจิตสำนึกบ้าง และต้องการให้ตำรวจช่วยดำเนินคดีให้ครอบคลุมทั้งหมด
พ่อหดหู่ เชื่อลูกกลัวมากจนสติหลุด
จากนั้น ช่วงบ่าย ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พา นายสมชาย มาที่แมนชันซอยลาดปลาเค้า 3 ที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้จัดการตึก แต่ไม่พบ โดยมี นางสา แม่บ้านประจำกะดึกเข้ามากอดขอโทษ และพูดคุยกับ นายสมชาย
นายสมชาย ยอมรับว่า รู้สึกหดหู่และเสียใจ โดยตนเพิ่งมาที่หอพักนี้เป็นครั้งแรก เชื่อว่า ลูกคงกลัวมากจนสติหลุด เพราะลูกเป็นคนขี้กลัว และตั้งแต่เกิดเรื่อง ยังไม่มีใครติดต่อมา หากได้คุยกับคนก่อเหตุก็อยากรู้ว่าเจตนาแรกที่ตั้งใจขึ้นมาถึงห้องคืออะไร
แม่บ้านแจง หนุ่มทุบห้องแค่ผู้เช่า สั่งย้ายพ้นหอทันที
สอบถามนางสา แม่บ้านประจำตึก บอกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นผู้เช่า ไม่ใช่สามีผู้จัดการอาคารตามที่เป็นข่าว ตอนนี้เจ้าตัวรู้สึกสำนึกผิด ถึงกับร้องไห้และไปจุดธูปขอขมาในเช้าวันถัดมา หลังเกิดเรื่องเจ้าของอาคารสั่งย้ายออกทันที ไม่ใช่ช่วยเหลือให้หลบหนี แต่ถือว่า เป็นบุคคลอันตราย ฝ่ายอาคารรู้สึกเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น จะช่วยเหลือเยียวยาค่าทำศพให้ ส่วนหลักฐานกล้องวงจรปิด ยืนยันว่ามีครบถ้วนและมอบให้ตำรวจไปหมดแล้ว
พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย สอบปากคำชายที่ก่อเหตุแล้ว ทราบว่า คืนวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุกลับมาจากทำงานแล้วจะจอดรถจักรยานยนต์ในที่ของตัวเอง แต่มีผู้อื่นมาจอดรถทับที่ตัวเอง จึงสอบถามแม่บ้าน แต่แม่บ้านบอกห้องผิด ทำให้ชายคนนี้ขึ้นไปอาละวาด เบื้องต้นแจ้งข้อหาบุกรุกยามวิกาล และส่งเสียงดังทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
ทนายเดชา ยกคดีเก่าเทียบ ชี้อาจเข้าข่ายฆ่าคนตาย
ขณะที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ได้ไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อปี 2543 ตอนนั้นศาลฎีกาตัดสินคดีบุกรุกห้องยามวิกาลว่า จำเลยจะเข้าไปข่มขืนผู้ตาย ซึ่งผู้ตายยืนพิงระเบียงอยู่ จำเลยย่อมเล็งเห็นว่า หากผู้ตายขัดขืนอาจพลัดตกจากระเบียงอาคารสูงได้ เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาตัดสินว่า เป็นการฆ่าคนตายโดยเจตนา เล็งเห็นผล คดีนี้จึงฝากพนักงานสอบสวนดูแลญาติคนตายด้วย
ขณะที่โซเชียลมีแชร์ภาพกระดาษประวัติผู้เสียชีวิตแผ่นหนึ่ง ซึ่งเป็นลายมือของแม่ผู้เสียชีวิต ได้เขียนประวัติของลูก ระบุว่า ลูกสาวกำหนดจบการศึกษาในระดับปริญญาในปี 2567
พบกับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-7.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35