ส่องชีวิตเบื้องลึกของ “อภิสิทธิ์” อดีตจอมบู๊ดาวเด่นเวทีมวยช่อง 7 สีให้มากขึ้น ก่อนเปิดตัวพุ่งชนความท้าทายใหม่ในศึก ONE ลุมพินี 45 ด้วยวัย 35 ปี
“อภิสิทธิ์ แฟร์เท็กซ์” มวยเก๋าบู๊ถึงใจ วัย 35 ปี จากชัยภูมิ หรือที่แฟนมวยคุ้นหูกันดีในชื่อ “อภิสิทธิ์ เค.ที.ยิม” โด่งดังมาจากเวทีมวยช่อง 7 สี ด้วยสไตล์การชกเดินลุยแหลกไม่กลัวใคร เตรียมเปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 45 ที่จะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ พบกับ “แพทริค ซานา” มวยหนุ่มไฟแรง วัย 22 ปี จากฮังการี ในกติกามวยไทย แคตช์เวต 140 ป.
โอกาสนี้ทีมงาน ONE ขอพาไปดู 5 เรื่องน่ารู้ของเจ้าของฉายา “ไอ้หมัดนายก” เพื่อรู้จักเขาให้มากขึ้นกัน
“อภิสิทธิ์” ฟิตร่างกายมาดีไม่แพ้รุ่นใหม่
1.ครอบครัวนักมวยตัวจริง
“อภิสิทธิ์” มีชื่อจริงว่า “อภิชาต เกิดจัตุรัส” เกิดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.31 ที่จังหวัดชัยภูมิ พ่อแม่มีอาชีพทำไร่ทำสวน มีพี่น้องเป็นผู้ชายทั้งหมด 7 คน ซึ่งทุกคนต่างเป็นนักมวยทั้งหมด แต่มีเพียงเขากับแฝดพี่ “อภิรักษ์” หรือชื่อในวงการมวย “อภิศักดิ์ เค.ที.ยิม” ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเขาเริ่มชกมวยตอนอายุ 11 ขวบ จากการเห็นบรรดาพี่ชายตระเวนชกตามงานวัดและนึกสนุกอยากชกตาม
จากนั้นตอนอายุ 13 ปี “อภิสิทธิ์” เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังมาสังกัดอยู่กับค่ายมวยเค.ที.ยิม ที่อยู่มานานมากกว่า 27 ปี จนถึงตอนนี้ เขามีประสบการณ์ชกมวยไทยไม่ต่ำกว่า 200 ไฟต์ และเคยไปโชว์ฝีมือต่างแดนมาแล้วทั้งที่ ออสเตรเลีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส และ ญี่ปุ่น ขณะที่ปัจจุบันทำหน้าที่ครูมวยและฟิตซ้อมร่างกายอยู่ที่ค่ายแฟร์เท็กซ์ ส่วน “แฝดพี่” รวมถึงพี่ชายอีก 3 คน ไปเปิดยิมสอนมวยอยู่ที่ฮ่องกงแบบถาวร
“น้องเฟิร์ส” (คนที่ 2 จากซ้ายมือ) ลูกชายของ “อภิสิทธิ์”
2. ลูกไม้หล่นใต้ต้น
หลังไปผจญภัยหาเงินเลี้ยงชีพที่ต่างแดนมานาน ตอนนี้ “อภิสิทธิ์” ได้พาครอบครัวทั้งหมดย้ายจากขอนแก่นมาอยู่ที่พัทยาได้นานครึ่งปีแล้ว โดยมีภรรยาชื่อ “แป๊ก” ที่คบหากันมานาน 17 ปี และมีลูกสองคนคือ “น้องเฟิร์ส” วัย 15 ปี และ “น้องแฟน” วัย 8 ปี ซึ่งลูกทั้งสองคนต่างมีความชื่นชอบในกีฬามวยไทย เมื่อมีเวลาว่างมักเข้ามาคลุกคลีอยู่ที่ค่ายมวยแฟร์เท็กซ์เป็นประจำ
โดยเฉพาะ “น้องเฟิร์ส” ที่เริ่มเอาจริงเอาจังกับการชกมวยมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “อภิสิทธิ์” เลือกพาครอบครัวมาอาศัยแถวค่ายมวยดังแห่งเมืองพัทยา เพราะมีนักชกต่างชาติช่วยฝึกซ้อมให้กับพวกเขาอย่างเต็มที่ พร้อมทำตัวเองเป็นต้นแบบที่ดีเพื่อแสดงให้ลูกชายที่มีชื่อชกมวยว่า “หนึ่งสยาม แฟร์เท็กซ์” ได้เห็นว่าแม้อายุมากแต่ยังแข็งแรงสู้ได้สบาย
“อภิสิทธิ์” ชกมวย 5 ยก ช่วงพีคไม่เป็นรองใคร
3. นักชกระดับตำนานมวยตู้
“อภิสิทธิ์” ย้อนเล่าว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการมวยไทยเมื่อกว่า 10 ปี ก่อน เพราะชกได้สนุกถูกใจตลาด ก่อนชีวิตถึงจุดพลิกผันต้องย้ายไปต่างแดนเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว
“สมัยชกมวย 5 ยก ช่วงที่ผมโด่งดังบนเวทีช่อง 7 สี ผมเป็นมวยสไตล์ไฟต์เตอร์อาวุธครบเครื่อง เคยได้ค่าตัวสูงสุดอยู่ที่ 60,000 บาท เพราะมีสไตล์การชกที่สนุกถูกตลาด ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ได้โอกาสขึ้นรายการต่อเนื่อง เกือบทุกครั้งที่ได้ขึ้นชกมักได้รับเลือกให้เป็นสุดยอดไฟต์ดุเดือดอยู่เป็นประจำ ผมชกมวยไทยไฟต์สุดท้ายในปี 2558 เอาชนะคะแนน ‘ด่วนเป๋ เดอะเบสท์อุดร’ ได้อย่างสุดมัน ก่อนถูกชักชวนให้ไปสอนมวยที่ต่างประเทศครับ”
“อภิสิทธิ์” สู้ชีวิตบินไปสอนมวยที่ต่างแดน
4. สู้ชีวิตในต่างแดนเพื่อครอบครัว
ในวัย 27 ปี “อภิสิทธิ์” ตัดสินใจเลือกไปสอนมวยที่ออสเตรเลียนาน 3 ปี พร้อมขึ้นชกมวยสากลอาชีพหารายได้เสริมไปมากกว่า 30 ไฟต์ โดยหลังหมดสัญญากับยิมสอนมวยที่แดนจิงโจ้ไม่นาน ได้แพ็คกระเป๋าเดินทางไปสอนมวยต่อที่แคนาดา พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเพื่อรอโปรแกรมชึ้นชก แต่โชคร้ายหลังอยู่ไปได้เพียง 2-3 เดือน ต้องเจอกับสถานการณ์โควิดเข้าพอดี แต่ยังมีครอบครัวเป็นแรงผลักดันสำคัญทำให้สู้อยู่เสมอ
จนกระทั่งวันที่ 25 มี.ค. 2566 “อภิสิทธิ์” ได้คิวขึ้นชกศึก Muay Thai World Cup 7 - Road To ONE ที่แคนาดา ในรุ่น 145 ป. รอบแรกเอาชนะ “ริชาร์ด พาม” นักชกลูกครึ่งเวียดนาม ผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้ายไปลุ้นคว้าสัญญานักกีฬา ONE ได้แล้ว แต่เจอปัญหาเรื่องวีซ่าใกล้หมดอายุ ทำให้ต้องจำใจขอถอนตัวและกลับตั้งหลักที่บ้านเกิดอีกครั้ง โดยถึงตอนนี้ได้กลับมาเคาะสนิมในศึก Fairtex Fight มวยมันพันธุ์ EXTREME ไปแล้ว 2 ไฟต์ ชนะน็อกยก 2 ทั้งหมด
“อภิสิทธิ์” พร้อมเต็มที่ขอแจ้งเกิดในศึก ONE ลุมพินี
5. ฝันได้ชกรายการ ONE กลายเป็นจริง
การได้ชกใน ONE คือสิ่งที่ “อภิสิทธิ์” เฝ้ารอมาตลอด หลังติดตามรายการมาตั้งแต่ปี 2562 โดยชื่นชอบ “น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย” และ “รถถัง จิตรเมืองนนท์” มากเป็นพิเศษ และครั้งนี้ เจ้าตัวหวังใช้ประสบการณ์ชกมวยที่สะสมมานานเปิดตัวให้ประทับใจในศึก ONE ลุมพินี
“ตอนทราบข่าวว่าจะได้มีโอกาสชกในศึก ONE ลุมพินี ผมดีใจมาก อยากชกในศึกนี้มานานมากแล้ว ตอนแรกผมเผื่อใจไว้บ้างว่าตัวเองอายุเยอะอาจไม่ได้ขึ้นชกในรายการนี้ ส่วนเรื่องการเตรียมตัว ผมเป็นนักมวยที่ประสบการณ์มากอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเสริมในเรื่องของแรงและพละกำลังให้มากขึ้น ที่สำคัญคือห้ามประมาทคู่ต่อสู้เด็ดขาด เพราะเป็นนวมเล็กฝ่ายไหนพลาดก่อนมีสิทธิ์แพ้ได้ทันทีครับ”
อภิสิทธิ์ vs แพทริก
“แพทริก เป็นมวยที่ชกได้จุกจิก มีเท้าซ้ายเตะน่ากลัว ผมพร้อมใช้อาวุธครบเครื่องเข้าสู้ ไฟต์นี้เปิดเกมมาผมคงเน้นดูเชิงไปก่อน ถ้าเห็นโอกาสบุกค่อยเดินอัดบดเข้าไปเรื่อย ๆ มีผ่อนหนักผ่อนเบา ใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ตอนนี้ผมอยากทำผลงานไฟต์ที่อยู่ตรงหน้าให้ออกมาดีที่สุด”
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง
THAI TICKET MAJOR คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) และทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.