หนุ่มสถาปนิก ผวา ถูก “พันจ่ากร่าง” ขับรถเฉี่ยว ยกพวกกระทืบ พบ “วีรกรรม” สุดโหด !

สุดกร่าง ! หนุ่มสถาปนิก ร้อง เจอ ทหารยศ "พันจ่า" เมาขับรถเฉี่ยว แล้วทำกร่างใส่ สุดท้ายเอาพวกมากระทืบ พร้อมคุยกับตำรวจแบบไม่เกรงกลัว ทำหวั่นใจ ไม่กล้ากลับบ้านมา 2 สัปดาห์

 

 

            วันที่ 7 ธ.ค. 2566 สิทธาคม จันทนะเสวี (ต้น) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2566 มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาเฉี่ยวชนรถตนที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตนได้บอกให้เขาหยุด แต่เขาไม่หยุดขับไปต่อแล้วไปจอดที่หน้าบ้านเขา ถัดจากบ้านตนไป 10 กว่าหลัง ตนจึงได้เข้าไปถามหาความรับผิดชอบ กลับพบว่า เขาลงจากรถมาก็มีอาการเมา และยังอ้างว่ามันเป็นสิทธิ์ของลูกผู้ชายที่จะดื่มของมึนเมา จากนั้นตนจะเคลมประกัน แต่มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย ทำให้ตนคิดว่าจะเรียกตำรวจ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจปรี่เข้ามาทำท่าเหมือนจำทำร้ายร่างกาย 

 

            ขณะเดียวกัน แฟนของตนก็เห็นอีกด้วยว่า ชายคนดังกล่าว เอาปืนจากในกระเป๋าคาดอกของเขา สลับลงมาที่เอว ทำให้แฟนเข้ามาห้าม ตนจึงได้โทรเรียกตำรวจ ไม่นานสายตรวจก็มา แต่อีกฝ่ายปิดบ้านขึ้นนอนและไม่ออกมาอีกเลย วันต่อมาตนถึงได้ไปแจ้งความ เรื่องก็เงียบไปกระทั่งวันที่ 22 พฤศจิกายน ขณะที่ตนยืนอยู่หน้าบ้าน สังเกตเห็นรถกระบะ ไม่ติดป้ายทะเบียน ขับมาจอด จากนั้นมีชาย 2 คนลงจากรถ คนหนึ่งยืนคุมเชิง ส่วนอีกคนตะโกนตนว่า "มึงมีเรื่องกับพี่กูหรอ" ก่อนจะเข้ามากระทืบตน ซึ่งชายทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนกับเพื่อนบ้านคนนี้ และตนมาทราบทีหลังว่าเพื่อนบ้านคนนี้รับข้าราชการทหาร ยศพันจ่าอากาศเอก

 

            โดย ตนได้รับบาดเจ็บ บริเวณหางตาแตก และบาดแผล ฟกช้ำทั่วร่างกาย หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ตนได้เรียกตำรวจมาในวันที่ 23 พ.ย. 2566 แต่ไม่ได้เจอกับเพื่อนบ้านรายนี้ แต่เมื่อตำรวจได้โทรไปหาเขา เขากลับพูดจาหยาบคายใส่ตำรวจ แบบไม่ได้เกรงกลัวอะไร ทั้งนี้เมื่อตนเห็นเขาพูดจาใส่ตำรวจแบบนี้ ตนจึงตัดสินใจไม่กลับบ้านอีกเลย เพราะกลัว 

 

 

            ทั้งนี้ทางทีมงานรายการถกไม่เถียง รายงานว่า ประวัติของทหารยศ "พันจ่า" รายนี้ ปี 2559 เคยมีคดีปล้นทรัพย์ ที่ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ปี 2560 เคยเป็นผู้ต้องหาคดีจ้างวานตีหัวกรรมการในสนามมวยฯ และเป็นผู้ต้องหาเบื้องหลังเหตุการณ์ยิง รปภ. สนามมวยเสียชีวิต 

 

 

            ฟาก นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) กล่าวว่า เรื่องอุบัติเหตุรถชน อันนี้มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายกันไป ที่สำคัญกว่าคือ เรื่องการทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นให้ผู้เสียหายไปแจ้งเรื่องที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล และตนจะตรวจสอบเลยว่าผู้ก่อเหตุยังรับราชการอยู่หรือไม่ และอยู่ในสังกัดไหน ซึ่งทำแบบนี้ไว้ เดี๋ยวมาดูว่าจะได้เข้าคุกราษฎร์ หรือคุกหลวง ขณะเดียวกันตอนนี้ตนได้ให้กรมคุ้มครองสิทธิลงไปดูเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหาย และจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยลงพื้นที่ดูแลความปลอดภัย 

 

            ทั้งนี้ ตนอยากย้ำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้ตรวจสอบปืนที่เขาใช้ขู่ให้ดี ต้องตรวจให้ละเอียด เพราะเคยมีกรณีที่คนก่อเหตุถูกปล่อย เพราะ อ้างว่าใช้ปืนปลอม จนสุดท้ายแล้วก็เอาปืนดังกล่าวมายิงจนเสียชีวิต 

 

 

            ด้าน เอ (นามสมมติ) แฟนพันจ่า เผยว่า วันที่เกิดเหตุรถชน ตนลงมาเปิดประตูให้แฟน ก็พบว่าเขามีปากเสียงกับคู่กรณีอยู่แล้ว ซึ่งฝั่งคู่กรณีเขาโวยวายอยู่ตลอด ทั้งที่แฟนตนได้ขอโทษ และยินดีรับผิดชอบ จะเรียกประกันหรือจ่ายเงินสดตรงนั้นก็ได้ แต่เขาก็ไม่หยุด โดยในคลิปที่ออกข่าวกันไป เป็นช่วงหลังของการมีปากเสียงกันแล้ว ตนอยากให้สื่อเอาคลิปมาออกตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องปืนนั้น ตนยืนยันว่าแฟนตนไม่ได้พกปืน เพียงแต่ว่าตอนนั้นมีปากเสียงกับคู่กรณี จนคู่กรณีกลับบ้านไป ฝั่งเราก็กลัวเขาจะกลับไปเอาอาวุธ แฟนเลยทำท่าเหมือนหยิบปืน แต่สิ่งที่หยิบคือโทรศัพท์ 

 

            อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนไม่ได้อยากมีเรื่องอะไร เป็นเพื่อนบ้านกัน ให้เขากลับมาอยู่บ้านได้ ยืนยันว่าพร้อมคุย และจะไม่มีเรื่องแน่นอน ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้แฟนตนโมโห จนเป็นเรื่องเป็นราว มาจาก ฝั่งคู่กรณีที่เขามาตะโกนโวยวายอยู่หน้าบ้านตน ทำให้ตอนนี้ตนก็ต้องปิดบ้านหนี เพราะกลัวเหมือนกัน ส่วนคนที่โทรคุยหยาบคายกับตำรวจ ไม่ใช่เสียงแฟนตน เป็นเสียงของพนักงานค่ายมวยของเรา