ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคนหนึ่ง ตกเป็นผู้ต้องหาค้ามนุษย์ เพราะรู้จักขอทาน ที่มานั่งขอทานอยู่ใกล้วิน โดยอ้างว่ารับซื้อข้าวให้ บางครั้งก็ว่าจ้างให้ไปส่งร้านข้าว แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเรียกค่าคุ้มครองจากขอทาน ขณะที่ในด้านของตำรวจที่จับกุม ก็ยืนยันว่า มีการเรียกเก็บเงินจากขอทานจริง จึงถูกจับกุม
นายศิวพงษ์ อายุ 36 ปี ร้องเรียนเข้ามาในรายการถกไม่เถียง ขอความช่วยเหลือว่าเขาตกเป็นผู้ต้องหาค้ามนุษย์ เพราะดันไปรู้จักและสนิทกับขอทานคนหนึ่ง ที่มาขอทานอยู่ใกล้วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ที่เขาขับวินอยู่
นายศิวพงษ์ เล่าว่า เขาทำอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง อยู่ที่วินหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ 3 ปีกว่าแล้ว จนเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา มีเด็กชายคนหนึ่ง มาขอทานห่างจากวินที่เขาอยู่ประมาณ 20 เมตร โดยเขาและเพื่อน ๆ เห็นเด็กคนนี้นั่งรถเมล์มาบ้าง บางครั้งก็มารถไฟฟ้า ลงที่สถานีสวนหลวง
นายศิวพงษ์ บอกว่า เด็กชายคนนี้มาขอทานเข้าเดือนที่ 3 คือ เดือนตุลาคม เริ่มขอมาหลบแดดหลบฝน บริเวณวิน ทำให้เขาเริ่มถามไถ่ จนรู้ว่าเป็นเด็กชาวกัมพูชา ชื่อ ก๊อต อายุ 14 ปี พ่อให้มาขอทานบริเวณนี้ ช่วงนี้เองทำให้เขาเริ่มสนิทกับเด็กชายขอทานนายนี้ จนทำให้บางครั้งเด็กมานั่งเล่นในบริเวณวิน นำเหรียญมาแลก ฝากขนมที่มีคนให้มาวางไว้ในวิน จ้างให้ นายศิวพงษ์ ไปซื้อข้าวให้ หรือ บางครั้งก็ว่าจ้างให้ไปส่งที่ร้านข้าว
กระทั่งวันที่ 31 ตุลาคม 2566 หรือ ภายหลังเดือนเดียวที่รู้จักกัน มีตำรวจจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี หรือ ตำรวจ ดส. ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้ามาจับกุมเด็กชาย ก็อต และแจ้งข้อกล่าวหาเขาว่า เป็นผู้ต้องหาค้ามนุษย์ เรียกรับผลประโยชน์จากขอทานเด็ก ซึ่ง นายศิวพงษ์ ยืนยันว่า เขาไม่เกี่ยวข้องกับการขอทานของ เด็กชายก็อต ส่วนเงินที่ เด็กชายก็อต นำมาให้ ก็เป็นเงินจ้างให้ไปซื้อข้าวให้ หรือ บางครั้งก็จ้างเขาให้ขี่รถจักรยานยนต์ ไปส่งที่ร้านข้าว และมีบางครั้งที่มีคนใจบุญให้ขนม เด็กชายก็อต ก็จะฝากเขาให้นำมาไว้ที่วินก่อน
นางสาวพัชราภรณ์ ภรรยาของ นายศิวพงษ์ บอกว่า เธอไม่รู้จักเด็กชายขอทานคนนั้น แต่เคยได้ยินสามีเล่าให้ฟังว่า มีเด็กมาขอทานอยู่ใกล้วินจักรยานยนต์ บางครั้งรับซื้อข้าวให้ หรือ ส่งไปทานข้าวเท่านั้น ซึ่งหลังสามีโดนจับ และตำรวจฝากขังที่เรือนจำ เธอต้องหากู้เงิน 50,000 บาท มาประกันตัว และติดกำไลอีเอ็ม พร้อมกับพยายามหาภาพวงจรปิดมาเป็นหลักฐานว่า ปกติสามีขี่รถจักรยานยนต์ออกจากที่พักคนเดียว หรือ บางครั้งก็มีเธอซ้อนท้าย ไม่เคยมีเด็กชายขอทานนั่งซ้อนท้ายออกจากที่พัก เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ด้วยการนำเด็กมาขอทาน
นายขวัญชัย ซึ่งเป็นเพื่อนที่ขับรถจักรยานยนต์ในวินเดียวกัน บอกว่า เห็นเด็กขอทานคนดังกล่าวมาขอทานอยู่ใกล้วินราว 2 เดือนกว่า และต่อมาเห็นสนิทกับ นายศิวพงษ์ มีการฝากซื้อข้าว หรือ นายศิวพงษ์ รับจ้างพาไปร้านข้าวโดยคิดราคาเหมือนผู้โดยสารปกติ ยืนยันว่า นายศิวพงษ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการนำเด็กมาขอทาน
คดีดังกล่าว หลังตำรวจจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี จับกุม นายศิวพงษ์ แล้ว นำตัวไปรับทราบข้อกล่าวหา เสร็จแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวนที่ สน.ประเวศ ซึ่งผู้สื่อข่าวสอบถามกับพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้ความว่า นายศิวพงษ์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางชุดจับกุมยืนยันว่ามีพยานหลักฐานที่เข้าองค์ประกอบคดีค้ามนุษย์ จึงจับกุมและส่งตัวให้พนักงานสอบสวน
เมื่อสอบถามกับตำรวจชุดจับกุม ของกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ได้ความว่า ก่อนจับกุม ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวน เฝ้าดู เก็บข้อมูลอยู่หลายวัน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลัง 15 วัน จะเห็นว่า เด็กชายก็อต มาขอทานช่วง 11.00-14.00 น. อาทิตย์ละประมาณ 5 วัน ในแต่ละวัน จะเห็นนายศิวพงษ์ เดินมาเอาเงินจาก เด็กชายก็อต หรือ บางครั้งก็มาเอาของกินที่มีคนให้ทาน จึงเฝ้าเก็บข้อมูล และเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา
และหลังจับกุม ได้ให้นักสงคมสงเคราะห์สอบเด็กขอทานเพื่อขอคัดแยกเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งเด็กบอกกับนักสังคมสงเคราะห์ว่า เวลาขอทานได้จะมีคนมาเอาเงินบางส่วนไป ไม่ให้ก็ไม่ได้เพราะกลัว จึงยอมให้ นั่นจึงเป็นองค์ประกอบการหาประโยชน์จากขอทานเด็ก ซึ่งเข้าข่ายการค้ามนุษย์ โดยที่ นายศิวพงษ์ เอง ไม่ได้เป็นคนนำเด็กมาขอทาน แต่เอาเงินจากขอทาน นี่เป็นคำอธิบายจากตำรวจชุดจับกุม ว่าเหตุใดจึงจับกุม นายศิวพงษ์ แม้ว่าไม่ได้นำเด็กมาขอทานโดยตรง แต่ไปเอาเงิน หรือ เอาของจากขอทาน จึงตกเป็นผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35