มอบตัวแล้ว ! คนขับรถตู้โดยสารกระทำชำเราเด็ก 13 ปี | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เกิดเหตุสะเทือนขวัญ เด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกคนขับรถตู้บังคับขืนใจบนรถ ขณะเดินทางจากกรุงเทพฯ กลับบ้านที่อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น หลังทางบ้านทราบเรื่อง ได้พาเด็กเข้าแจ้งความ แต่คดีกลับไม่คืบหน้า ล่าสุดคนขับรถตู้คนดังกล่าวเข้ามอบตัวแล้ว

 

มอบตัวแล้ว คนขับรถตู้โดยสารกระทำชำเราเด็ก 13 ปี จ.ขอนแก่น

 

เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดย ย่าของเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย คุณย่า เล่าว่า น้องเอ (นามสมมุติ) เป็นลูกคนที่สองของลูกชาย ที่เดินทางไปทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ พร้อมภรรยา จึงเลี้ยงดูหลานสาวมาตั้งแต่เกิด ก่อนเกิดเหตุในช่วงโรงเรียนปิดเทอม พ่อ-แม่อยากให้ลูกสาวเดินทางไปหาที่กรุงเทพฯ จึงให้ลูกสาวนั่งรถตู้โดยสารที่วิ่งกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งรับผู้โดยสารจากอำเภอแวงน้อย ไปส่งยังปลายทางในกรุงเทพฯ โดยเป็นการออกจากบ้านครั้งแรกของ น้องเอ (นามสมมุติ)

 

สำหรับรถตู้คันดังกล่าว ย่าของเด็กหญิง บอกว่า พ่อน้องเอ เป็นคนประสานหารถตู้มารับลูกสาวที่บ้าน เมื่อเย็นวันที่ 1 ตุลาคม เพื่อไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งตามกำหนดการรถตู้จะต้องส่งหลานสาวถึงพ่อแม่ในช่วงเช้ามืดวันที่ 2 ตุลาคม แต่รถตู้นำส่งในช่วงเที่ยงของวันที่ 2 ตุลาคม ซึ่งจากการสอบถามกับคนขับรถตู้ อ้างว่า ระหว่างทางมีการซ่อมถนน รถติดมาก จึงมาส่งช้า พอรับลูกแล้วก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติ เห็นลูกเงียบ นิ่ง คิดว่าลูกสาวเมารถ จึงไม่ได้สอบถาม และให้ลูกสาวนอนพักผ่อน โดย น้องเอ (นามสมมุติ) พักอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม พ่อจึงจองรถตู้ให้ไปรับกลับมาส่งที่บ้าน ซึ่งก็เป็นรถตู้คันเดิม มาส่งหลานสาวที่บ้าน ในช่วงเวลาเกือบ 09.00 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม

 

ย่า เล่าต่อว่า หลังจากหลานสาวลงจากรถก็มีอาการเหม่อลอย พฤติกรรมเปลี่ยนไป จึงเฝ้าสังเกตอาการและพยายามคุยกับหลาน ในช่วงเวลานอนกลางคืน หลานไม่ยอมนอน ได้แต่พนมมือและพูดพร่ำ เอ่ยชื่อ นายเดช หรือ น้าเดช เจ้าของรถตู้ จึงพยายามคุยจนหลานสาวยอมเล่าให้ฟังว่า นั่งรถตู้ไปกับ นายเดช นายเดช ตระเวนส่งคนไปทั่ว จนเหลือหลานสาวคนเดียว นายเดช จึงให้ดื่มน้ำ หลังดื่มน้ำ นายเดช ได้ข่มขืนหลานสาวในรถตู้ ซึ่งหลานสาวมีอาการสะลึมสะลือ อ่อนแรง ขัดขืนไม่ได้ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว และพบว่าตัวเองนอนในเบาะรถตู้ และบอกอีกว่ารถตู้ขับวนไปหลายที่ ซึ่งหลานสาวไม่รู้ว่าเป็นที่ใด จนถูกนำส่งถึงที่พักของพ่อแม่ แต่ น้องเอ (นามสมมุติ) ยังไม่ได้บอกพ่อแม่ จนกลับมาถึงบ้านจึงเล่าให้ย่าฟังว่าถูก นายเดช ข่มขืนจนเลือดไหล

 

หลังทราบเรื่องตนจึงโทรศัพท์บอกพ่อแม่ของ น้องเอ (นามสมมุติ) ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.แวงน้อย ซึ่งตำรวจก็รับแจ้งความ และสอบสวนย่าในเบื้องต้น โดยตำรวจ สภ.แวงน้อย สันนิษฐานว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างเวลา 05.00-11.00 น. วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ช่วงระหว่างทาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ถึงพื้นที่ สน.บางกอกใหญ่

 

ด้าน พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า โชเฟอร์รถตู้คันที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ข่มขืนเด็กในรถ ได้ประสานกับตำรวจ สภ.แวงน้อย เพื่อขอเข้ามอบตัว พร้อมกับนำรถตู้เข้าพบตำรวจให้ตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ยืนยันขับรถโดยสารมา 30 ปี ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้

 

ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายเดช โชเฟอร์รถตู้ เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 แล้ว พร้อมปฏิเสธไม่ได้ก่อเหตุ ก่อนตำรวจจะคุมตัวไปเก็บตัวอย่าง DNA พร้อมนำรถตู้ไปตรวจสอบเช่นกัน จากนั้นตำรวจจะนำตัว นายเดช เดินทางไปยัง สน.บางกอกใหญ่ เพื่อให้พนักงานสอบสวนมีการสอบปากคำต่อไป

 

ส่วน ตำรวจนครบาล ได้มอบหมายให้ พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนในคดีนี้ โดยไม่ต้องสนใจว่าคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ไหน เพื่อเร่งทำความจริงให้ปรากฏและนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี

 

สำหรับการสอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหาย เพื่อให้ทราบข้อมูลทั้งหมดนั้น จะต้องมีสหวิชาชีพเข้าร่วมสอบปากคำด้วย แต่ตอนนี้เด็กยังอยู่ในอาการหวาดผวา คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนเพื่อให้เด็กหายเครียด

 

เมียคนขับรถตู้มั่นใจสามีบริสุทธิ์ จ.ขอนแก่น

 

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นไปยังบ้านพักในอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านเช่าของ นายเดช คนขับรถตู้ที่ถูกกล่าวหา แต่ไม่พบตัว พบเพียง นางหนิง ภรรยานายเดช โดยนางหนิง ได้นำตารางการวิ่งรถตู้ในวันเกิดเหตุให้กับผู้สื่อข่าวดู โดย นางหนิง เล่าว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม สามีเป็นคนขับรถตู้ไปรับส่งเด็กหญิงอายุ 13 ปี จริง และเดินทางกลับใน 30 ตุลาคม แต่ในส่วนของเหตุการณ์ที่มีการกล่าวอ้างนั้นตนเองก็ตกใจ หลังจากที่ทราบข่าวก็ได้มีการพูดคุยกับสามี โดย นายเดช บอกว่า ไม่ได้ก่อเหตุแต่อย่างใด เพราะหากเป็นเรื่องจริง ทำไมผู้เสียหายไม่แจ้งความตั้งวันที่ 1 ตุลาคม แต่เรื่องได้ผ่านมา 1 เดือน ถึงมีการแจ้งความกับทางตำรวจ ที่ผ่านมาทางครอบครัวเด็กหญิงอายุ 13 ปี ได้เรียกใช้บริการรถของสามีมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยทางพ่อของเด็กหญิงจะเป็นคนที่โทรติดต่อมาเพื่อให้ไปรับตัว เพื่อเดินทางมายังกรุงเทพฯ ตนเองเชื่อใจว่าสามีไม่ได้ก่อเหตุจริงในครั้งนี้แน่นอน