“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ฉลองความสำเร็จหลังจากคว้าแชมป์โลกการต่อสู้แบบผสมผสาน มาครองได้เป็นเส้นที่ 3 ด้วยการสักรูปครอบครัวไว้ที่แขนข้างซ้ายเพื่อระลึกถึงครอบครัวที่รักซึ่งเป็นแรงผลักให้ตนประสบความสำเร็จทุกวันนี้
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” สาวนักสู้มากประสบการณ์ วัย 25 ปี จากระยอง สามารถจารึกชื่อตัวเองลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาต่อสู้ระดับโลกได้สำเร็จ หลังเอาชนะทีเคโอ “ฮาม ซอ ฮี” สาวมากประสบการณ์ วัย 36 ปี จากเกาหลีใต้ คว้าแชมป์โลก ONE MMA รุ่นอะตอมเวตหญิง (105-115 ป.) มาครองได้สำเร็จ ในศึก ONE Fight Night 14 เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาคนแรกใน ONE ที่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์แชมป์โลกได้ถึง 3 ชนิดกีฬา
สำหรับเข็มขัดแชมป์โลก MMA เส้นนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายอันสูงสุดของ “แสตมป์” ที่มุ่งมั่นและพยายามมานานเพื่อที่จะไขว่คว้ามันมาครอบครองให้ได้ ซึ่งนอกจากการฟิตซ้อมอย่างหนักหน่วงในทุก ๆ วัน อีกหนึ่งแรงผลักดันที่จะขาดไม่ได้สำหรับความสำเร็จในครั้งนี้ ก็คือครอบครัวที่คอยให้กำลังใจเธอมาตลอด โดยเฉพาะไฟต์ล่าสุดที่พ่อกับแม่ รวมถึงน้องชายเดินทางมาเชียร์เธอถึงขอบสนาม พร้อมทั้งขึ้นไปร่วมแสดงความยินดีกับนาทีแห่งความสุข ภายหลังที่เธอรับเข็มขัดสีทองมาคล้องบ่า
ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “แสตมป์” ยอมเจ็บตัวอีกหนเพื่อสักรูปครอบครัวที่ถ่ายด้วยกันในวันคว้าแชมป์โลกไว้ที่แขนข้างซ้าย ซึ่งประกอบด้วย แสตมป์, พ่อ, แม่ และน้องชาย พร้อมกับตัวเลข 2023.09.30 ซึ่งหมายถึงวันเดือนและปีที่เธอสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ เพื่อจารึกภาพความทรงจำไปพร้อมกับประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ไว้บนร่างกาย โดย “แสตมป์” เผยถึงสาเหตุในการประทับตรารอยสักครั้งนี้ว่า
“มันเป็นโมเมนต์ที่ดีมาก ๆ เลยค่ะที่พ่อแม่และน้องชายขึ้นไปร่วมแสดงความยินดีบนเวที ในวันที่เราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ และที่ตัดสินใจสักตรงแขนซ้ายเพราะมันอยู่ตรงหัวใจพอดีด้วยค่ะ”
นอกจากจะช่วยสร้างแรงผลักดันและเป็นกำลังใจให้แล้ว พ่อและแม่ของ “แสตมป์” ยังทำหน้าที่เปรียบเสมือนเทรนเนอร์ที่คอยช่วยดูแลทุกอย่างทั้งในเรื่องของอาหารการกิน การฟิตซ้อม และที่ขาดไม่ได้เลยคือความรักและความเอาใจใส่ที่มีให้กับทายาทในสายเลือดคนนี้
“ในทุก ๆ ไฟต์ พ่อกับแม่ก็จะคอยดูแลและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ อย่างแม่ก็จะมาอยู่กับหนูในช่วงก่อนแข่งประมาณ 1-2 เดือน คอยดูเรื่องอาหารการกิน และเสื้อผ้าที่ใส่ ส่วนพ่อก็จะแวะมาหาสัปดาห์ละครั้งเพื่อมาดูว่าร่างกายของเราเป็นยังไง บางครั้งก็คอยหาคู่ซ้อมให้ ติวเข้มเรื่องออกอาวุธให้เราอยู่เสมอค่ะ”
+ อ่านเพิ่มเติม