หนุ่มร้อง จ่ายมัดจำ 1.8 แสนบาท ซื้อที่ดิน แต่กู้ไม่ผ่าน อ้างโครงการฯ ไล่อย่างหมา ไม่คืนเงิน !

หนุ่มโอด ซื้อที่ดิน ตกลงกับโครงการฯ ว่าจะวางเงินมัดจำก่อน 1.8 แสนบาท แต่ถ้ากู้ไม่ผ่านจะได้เงินคืน ปรากฎว่า พอกู้ธนาคารไม่ผ่าน ทางโครงการฯบ่ายเบี่ยง ไม่คืนเงิน พร้อมไล่ให้ไปฟ้องเอา เรื่องนี้จะจบอย่างไร ไปติดตามในถกไม่เถียง !

 

 

            วันที่ 2 พ.ย. 2566 จักรพงษ์ กาบแก้ว (เอฟ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ตนได้เข้าไปยังบริษัทนายหน้าขายที่ดิน เพื่อซื้อที่ดินพร้อมโกดัง ย่าน จ.นนทบุรี ขนาดที่ดิน 150 ตร.ว. โดยที่บริษัทนายหน้าดังกล่าวโฆษณาว่า สามารถซื้อที่ดินพร้อมโกดังได้ ซึ่งเขาจะช่วยดำเนินการยื่นกู้กับธนาคารให้ทั้งหมด ทั้งในส่วนของที่ดิน และยื่นกู้ในส่วนของการปลูกโกดังเพิ่มด้วย ซึ่งเมื่อคุยกับบริษัทนายหน้าเสร็จ เขาก็ให้ตนวางเงินมัดจำสำหรับการจองที่ดินแปลงที่ตัวเองชอบ คุยตกลงวางเงินมัดจำที่ 20,000 บาท โดยที่ในใบจองมีข้อความระบุว่าถ้าตนกู้เงินธนาคารไม่ผ่านเขาจะคืนเงินมัดจำให้ และตนก็นำเอกสารทางการเงิน สำหรับยื่นกู้ให้กับเซลของโครงการฯ ไป หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เซลก็ติดต่อมาว่าตนน่าจกู้ผ่านไม่มีปัญหาอะไร

 

            วันที่ 7 ก.ย. 2566 โครงการฯเลยนัดตนให้เข้าไปทำสัญญา ซึ่งตนก็นำเงินไปวางมัดจำเพิ่มอีก 160,000 บาท รวมเป็น 180,000 บาท ซึ่งก่อนจะทำสัญญาตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าตัวเองกู้กับธนาคารผ่านแล้วหรือ เพราะว่า ทางธนาคารยังไม่ได้ติดต่อมาสอบถามอะไรกับตนเลย ตนเลยถามกับเจ้าของโครงการฯ เจ้าของเลยโทรหาคนหนึ่งโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร และสอบถามเรื่องการกู้เงินเพื่อให้ตนแน่ใจ แต่ตนก็ยังไม่แน่ใจว่าปลายสายเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารจริง ทางเจ้าของเลยทำการเขียนท้ายสัญญาจัดซื้อจัดขายที่ดินว่า "ถ้ากู้ไม่ผ่านคืนเงิน" เลยทำให้ตนมั่นใจว่าเขาจะคืนเงินตนแน่  

 

 

            ทั้งนี้ ทางโครงการฯ แจ้งตนว่า ธนาคารจะเข้าไปหาตนที่บ้านในวันที่ 8 ก.ย. 2566 เพื่อทำสัญญากู้เงิน ซึ่งตนก็รอให้ธนาคารโทรมานัดตนแต่ก็ไม่มีการโทรมานัด ตนเลยโทรไปหาธนาคาร กลับกลายเป็นว่าธนาคารสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับตน เหมือนเขาไม่เคยรู้เรื่องการกู้เงินของตนเลย ขณะเดียวกัน ธนาคารได้แจ้งอีกว่าให้ตนเดินบัญชีไปก่อนอีก 6 เดือน แล้วค่อยกลับมายื่นกู้ใหม่ ซึ่งเท่ากับว่าตนกู้ไม่ผ่าน ทำให้ตนรู้สึกว่าเหมือนโดนโครงการฯหลอกให้ไปวางเงินมัดจำเพิ่มจากนั้นตนได้โทรหาเซลเลย เพื่อขอคืนเงิน แต่เขาก็บ่ายเบี่ยง  อีกทั้งยังแนะนำให้ตนผ่อนที่ดินโดยตรงกับธนาคารก่อน กู้ผ่านเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน แต่ตนยืนยันว่าจะขอเงินคืน เพราะมองว่าทางโครงการฯไม่ซื่อตรงกับตน 

 

            กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 2566 เซลนัดให้ตนเข้าไปเอาเงินคืนตอน 14.00 น. แต่ยังไม่ทันได้เข้าไป เจ้าของบริษัทก็โทรเข้ามาหาตนพยายามเกลี่ยกล่อมให้ตนผ่อนตรงกับทางโครงการ ซึ่งตนยังยืนยันที่จะเอาเงินคืน ทางเจ้าของเห็นตนแบบนั้นเขาก็เริ่มพูดจาไม่ดี ดูถูกตน และบอกว่าจะติดต่อภายใน  7 วัน เรื่องการคืนเงิน ทว่าผ่านไป 1 สัปดาห์ เจ้าของโครงการฯกลับเอาเอกสารตนไปยื่นเรื่องอีกธนาคารหนึ่ง โดยที่ไม่ได้แจ้งตน ตนมารู้เพราะธนาคารโทรมาหาตน ซึ่งธนาคารที่ 2 นี้ ก็ไม่อนุมัติเงินกู้ให้ตนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ทางเซลได้นัดให้ตนเข้าไปเช็ควันที่ 6 ต.ค. 2566 แต่พอตนไปรับ เช็คเขียนลงวันที่ขึ้นเงินวันที่ 24 ต.ค. 2566 ตนจึงแย้งเรื่องข้อตกลงต่าง ๆ ที่ตนรู้สึกเสียเปรียบ ทางเจ้าของโครงการฯ ก็ได้เดินมาไล่ตนไม่ให้เช็คแล้ว พร้อมพูดว่าถ้าอยากได้ก็ไปฟ้องเอา 

 

            ด้าน ผู้บริหารโครงการ ฯ ได้ชี้แจงว่า ทางบริษัทแค่แนะนำสินเชื่อให้เขาไปจัดการกับธนาคารเอาเอง ไม่ได้ทำการจัดกู้ให้เขา นอกจากนี้ ตนได้เขียนเช็คเงินสดคืนให้เขาแล้วเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2566 แต่ที่ต้องลงวันที่ขึ้นเงินวันที่ 24 ต.ค. 2566 นั้น เพราะว่าตามหลักการของบริษัทต้องตีเช็ค 15 วันตามมาตรฐานเพื่อจัดการยกเลิกสัญญาจัดซื้อจัดขาย ทว่าแฟนของเขามาโวยวายอยากได้เป็นเงินสดเดี๋ยวนั้น ตนก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตนบริการเต็มที่ทุกอย่างเพราะลูกค้าเป็นพระเจ้า  อย่างไรก็ตามตอนนี้มาเอาเช็คไปขึ้นเงินได้เลย 180,000 บาท ตนไม่ได้หักเลยสักบาท 

 

 

            ฟาก สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า ผู้เสียหายเขากังวลว่าเช็คจะเด้ง แต่ตนก็ได้อธิบายให้เขาฟังไปแล้ว ให้สบายใจได้ ถ้าเช็คมันเด้งมันมีกฎหมายอาญาคุ้มครองอยู่ อย่างไรก็ตามผู้เสียหายไม่ต้องกังวล เข้าไปรับเช็คมาขึ้นเงินได้เลย 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/wETGwlmbpQY?si=dcPXK-P0YpIFDZeK