ฝรั่งร้อง ! โดนกระทืบยับ หลังหนุ่มหัวร้อน ขับรถชนจักรยานหลาน ขู่ฟ่อ “จะทำให้อยู่ที่นี่ไม่ได้”

การใช้ความรุนแรงไม่เคยเป็นทางออก เฉกเช่นกรณีนี้ ที่ หนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติ พยายามจะปกป้องหลาน หลังจาก ถูกหนุ่มหัวร้อนชนทับจักรยาน แถมด่ากราดโวยวายไม่ยอมฟัง ปรี่เข้าทำร้ายจนซี่โครงหัก ทว่าหลังจากนั้นคดีไม่คืบ คู่กรณียังมาขู่ "จะทำให้อยู่ที่นี่ไม่ได้"

 

 

            วันที่ 30 ต.ค. 2566 แดนนี่ อโดฟ สโนว์เวิร์ด ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนอยู่หน้าบ้านก็เห็นว่ามีเหตุการณ์ชุลมุนอะไรสักอย่าง ซึ่งเมื่อตนเดินไปดูก็พบว่ารถยนต์ชนรถจักรยานของหลานจนเข้าไปอยู่ใต้รถแล้ว ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแต่ว่าผู้ชายที่ขับรถเขายืนด่าว่าหลานของตนอยู่ โดยที่ด่าไม่ยอมหยุด ตนจึงชี้บอกกับชายคนขับรถว่าเขานั่นแหละคือคนที่ผิด ทำให้เขาไม่พอใจ ชายคนดังกล่าวก็ปัดมือตนออก หลังจากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัว เหมือนสลบไปไม่กี่วินาที รู้ตัวอีกทีก็ลงไปนอนกองกับพื้นพร้อมเลือดไหลออกเต็มจมูกแล้ว  

 

            ตอนที่เกิดเหตุตนรู้สึกตกใจมาก และกลัว ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุแบบนี้กับตัวเอง ขณะที่หลังเกิดเหตุ ตนยังเจอกับคู่กรณีอยู่ เพราะ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน บ้านอยู่ห่างกันแค่ 100 เมตร ตอนนี้ตนต้องปิดหน้าต่าง ปิดประตูทั้งหมด เพราะกลัวคู่กรณีจะมากระทำไม่ดี เนื่องจากเขาเคยมาข่มขู่ในละแวกบ้านอยู่ 

 

 

            ด้าน ปาณิสรา ธัญญ์นรี (อ้อย) ภรรยาผู้เสียหาย กล่าวว่า หลาน ๆ ของตนอายุ 9 ขวบ 7 ขวบ และ 5 ขวบ โดนชายคนขับรถด่ากราดหยาบคาย เมื่อตนไปถามชายคนขับรถก็บอกว่าเด็ก ๆ เอารถไปขวางเขา เลยเสยจักรยานไป และเมื่อตนถามหลาน หลานก็บอกว่า พวกเขาโดนหมาไล่ เลยต้องทิ้งจักรยานไม่กล้ากลับไปเอาเพราะกลัวหมา ซึ่งชายคนขับรถเขาก็ได้ยินที่หลานเล่า แต่เขาไม่ฟัง โวยวายอย่างเดียว เรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาที่ทำให้รถเขาเสียหาย พร้อมกับขู่ว่าถ้าไม่ชดใช้ จะทำให้พวกตนอยู่ที่นี่ไม่ได้ 

 

            ทั้งนี้ในที่เกิดเหตุตอนแรกแฟนตนด้วยความตกใจ จากการที่เขาได้เห็นจักรยานของหลานมันบิดเบี้ยว เลยเข้าใจว่ารถนั้นชนทั้งเด็ก และรถ เลยอุทานว่า “ฟัค” แล้วก็บอกชายคนขับรถแค่ว่า เขาเป็นคนผิด ขณะที่ชายคนดังกล่าวโวยวายอยู่คนเดียว ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าแฟนตนพูดอะไร จนเข้ามาทำร้ายในที่สุด สำหรับอาการบาดเจ็บมี ซี่โครงหัก 2 ซี่  ดั้งจมูกหัก ใบหน้าปูดบวม และ ยังมีรอยบอบช้ำตามร่างกาย 

 

            ขณะเดียวกัน เคยไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีครั้งหนึ่ง แต่คู่กรณีไม่ได้เข้ามาพูดคุยขอโทษแต่อย่างใด เขาให้ภรรยาและแม่เข้ามาคุยแทน โดยบอกว่าถ้าอยากได้ค่าเสียหายให้ไปฟ้องเอา และหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ทั้งนี้ตนยังมีความกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยเพราะที่บ้านมีแค่ตน แฟนที่อายุเยอะ และหลานที่เป็นเด็กอีก 3 คน

 

 

            ฟาก เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า อย่างแรกที่ตนต้องบอกกับผู้เสียหาย คือ การขอโทษ เพราะ นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นแบบนี้ ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ผ่านมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ ตนทราบมาว่าคดียังไม่คืบหน้า ผู้เสียหายยังไม่รู้เลยว่าจะต้องเอาผิดคู่กรณีอย่างไร เดี๋ยวจบรายการตนจะช่วยประสานไปยัง ผกก.สภ.สัตหีบ เพื่อให้ท่านลงมาดูเรื่องนี้ 

 

            ทั้งนี้ ตนได้คุยกับผู้เสียหาย เขาเกิดความสงสัยว่าทำไมหลังเกิดเหตุคู่กรณีถึงยังมาเดินข่มขู่เขาได้อีก เพราะถ้าเป็นที่ประเทศเบลเยียมบ้านเกิดเขา หลังเกิดเหตุคนก่อเหตุจะต้องโดนจับในทันที นอกจากนี้ คนในหมู่บ้านยังบอกอีกว่าชายคนดังกล่าวเป็นพวกอันธพาลประจำหมู่บ้าน เวลาเกิดเหตุอะไรก็จะโวยวาย 

 

 

            ขณะที่ รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า เคสนี้ จุดเกิดเหตุเกิดในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งหมู่บ้านพวกนี้จะต้องมีเด็กอยู่แล้ว ดังนั้นนิติของหมู่บ้านเขาจะมีการจำกัดความเร็วเผื่อกรณีที่มีเด็กมาวิ่งตัดหน้ารถจะได้เบรกทัน ซึ่งเขาทำกันแบบนี้ทั่วโลก ส่วนในกรณีนี้ มันควรจบแค่ที่ผู้ปกครองเด็ก ๆ มาชดใช้ค่าเสียหาย แต่กลับมาทำร้ายร่างกายกัน จะอ้างว่าถูกด่าก็ไม่ได้ เพราะเขายังไม่รู้เลยว่าผู้เสียหายพูดว่าอะไร และผู้เสียหายก็ไม่ได้สวนกลับอะไรเลย จะอ้างว่าป้องกันตัวก็คงไม่ได้ ตนก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะให้ไปสู้ในชั้นศาลทำไม 

 

            ทั้งนี้เข้าข่ายการทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บสาหัส อาจจะเป็นพยายามฆ่าด้วยซ้ำถ้ากระดูกซี่โครงมันทิ่มจุดอันตราย อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีการควบคุมอารมณ์ในการคุยกับคนอื่น รวมถึงก่อนหน้านั้นยังด่ากราดใส่เด็กประถมด้วย คนปกติเขาจะไม่กระทำอะไรแบบนี้ มีแต่คนไม่ปกติเท่านั้นที่ทำ ดังนั้นต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ  

 

 

            ด้าน เกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เผยว่า การเยียวยาผู้เสียหายในกฎหมายไทย ไม่ได้คำนึงว่าจะต้องเป็นคนไทย ขอให้อยู่ในประเทศไทย เราเยียวยาทั้งหมด ซึ่งเคสนี้ เขาตกเป็นผู้เสียหายจากกระทำของคนอื่น รัฐบาลก็มีหน้าที่เยียวยา โดยเมื่อตำรวจออกใบวินิจฉัยว่าไม่เกี่ยวข้องมาแล้ว ก็สามารถมายื่นคำร้องได้เลย นอกจากนี้ในเรื่องความปลอดภัยที่ผู้เสียหายกังวล เขาสามารถคุ้มครองพยานได้ เนื่องจากตัวผู้เสียหายเป็นพยานในคดีอาญา