คดีแปลก ! พี่ชายร้อง น้องสะใภ้โหดจัด สากทุบหัวน้องดับ สุดซาดิสต์ หวั่นคดีไม่คืบ

เราอาจจะเคยเห็นข่าว ผัวทำร้ายเมีย แต่คดีนี้เจอ เมียสุดเหี้ยม ทำร้ายผัวยับ เอาสากทุบหัวผัวจนเสียชีวิต พร้อมปล่อยนอนทิ้งไว้ในห้องน้ำ สืบสาวเรื่องราวจนทราบว่า มีประเด็นกันแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะเมียชอบข่ม แถมยึดเงินเดือนเกลี้ยง !

 

 

            วันที่ 26 ต.ค. 2566 ยอด พี่ชายของผู้ตาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อ 2 ต.ค. ที่เพิ่งผ่านมา น้องชายถูกแฟนสาวทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส  ถูกใช้มีดแทงที่ใบหน้าหลายจุด แล้วลากร่างน้องชายตนเองไปขังไว้ในห้องน้ำ ปล่อยนอนจมกองเลือด หลังก่อเหตุก็แต่งตัวออกไปทำงานตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งตอนเช้ารถบริษัท รปภ.ที่น้องชายทำงานอยู่ มารับยังที่พัก แต่น้องชายตนเองไม่ออกมาขึ้นรถ เพื่อนร่วมงานเห็นผิดสังเกตุจึงงัดห้องพักเข้าไปดู ก็พบว่าน้องชายตนเองนอนจมกองเลือดอยู่ในห้องน้ำ สภาพที่บาดเจ็บสาหัส จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล และมาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา

 

            ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เวลาน้องชายโทรมาหาตนก็จะมีแต่เรื่องทะเลาะกับแฟนสาว ซึ่งน้องเคยโดน แฟนสาว ฟันแขน ต้องเย็บ 38 เข็ม และยังเคยโดนสากกระเบือตีหัว อีกทั้งยังเคยโดนกระทืบซี่โครงหัก ต้นเหตุมาจากการทะเลาะกันแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ น้องยังเคยโดนถีบตกบันได เพราะ แฟนสาวไม่พอใจที่เจ้าตัวนำบัตรเอทีเอ็มของตัวเองไปกดเงินออกมาใช้ ซึ่งตอนนั้นน้องไม่มีเงินใช้แล้ว จนล่าสุดทะเลาะกันหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต หลังจากนั้นแฟนสาวน้องชาย ก็ไม่เคยมาเยี่ยมเลย ตอนนอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้ไปเยี่ยม แม้แต่งานศพเขาก็ไม่ไปเหยียบเลย แถมยังไปแจ้งความตัดหน้าว่าน้องชายถูกทำร้ายจากการทะเลาะวิวาทด้วย สุดท้ายแล้ว ตนอยากให้คนที่กระทำความผิดได้รับโทษอย่างถึงที่สุด ติดคุกไม่ต้องออกมาเลยก็ดี  

 

 

            ด้าน กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (กัน จอมพลัง) กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องทุกข์จากพี่ชายผู้เสียชีวิต จึงได้ประสานขอความคืบหน้าคดีจาก ผกก.สน.พหลโยธิน ซึ่งเขาได้รับปากว่าคดีนี้จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และเป็นธรรมที่สุด ขณะเดียวกันวันนี้ตนได้ทำเอกสารขอเงินเยียวยาเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาแล้ว น่าจะได้เงินเยียวยาประมาณ 1 แสนบาท 

 

            ทั้งนี้ เคสนี้เป็นเคสแรกที่ตนได้รับเรื่องผู้หญิงทำร้ายผู้ชายจนเสียชีวิต ซึ่งตนก็มีสงสัยในใจว่าผู้ชายไปทำร้ายผู้หญิงก่อนหรือเปล่า ด้านพี่ชายผู้เสียชีวิตก็ยืนยันว่าน้องเขาไม่เคยทำร้ายร่างกายแฟนเขาเลย อีกทั้งตนได้ไปสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ก็ได้คำตอบว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายที่แสนจะประเสริฐมาก ช่วยเหลือชาวบ้านแถวนั้นหมดโดยที่ไม่เคยคิดเงิน 

 

 

            นอกจากนี้ชาวบ้านยังบอกอีกว่า ผู้เสียชีวิตไม่ได้ทะเลาะวิวาท หรือชู้สาวแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องเงิน ที่ตามปกติแล้วผู้เสียชีวิตจะได้เงินเดือน 2.1 หมื่นบาท แต่ให้ภรรยาหมด ภรรยาให้กลับมาใช้แค่ 1 พันบาทใช้ใน 1 เดือน ซึ่งเมื่อฝ่ายชายใช้ไม่พอก็ต้องไปหยิบยืมคนอื่นมาบ้าง และเมื่อต้องนำเงินไปคืนคนที่ยืมมาทำให้ภรรยาเขาได้เงินไม่ครบ ก็เกิดการทำร้ายร่างกายบ้าง ไล่ให้นอนข้างถังขยะบ้าง จนชาวบ้านแถวนั้นต้องเอาข้าวเอาปลามาให้กิน ล่าสุดผู้เสียชีวิตยังถูกให้นำรถจักรยานยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อกู้เงิน 3 หมื่นบาท อ้างจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ แต่สุดท้ายผู้หญิงก็เอาไปใช้หมด แล้วเพิ่งผ่อนชำระได้งวดเดียวก็มาเสียชีวิต 

 

            ฟาก ป้านี พยาน เผยว่า ผู้เสียเสียชีวิตกับภรรยาทะเลาะกันบ่อยมาก ถูกภรรยาโยนเสื้อผ้า ขนข้าวของทิ้ง เงินเดือนออกมาก็ไม่เคยได้ใช้ เพราะ ภรรยาเอาไปหมด แถมยังโดนทำร้ายร่างกายประจำ เห็นบาดแผลอยู่ตลอด และยังโดนไล่ออกจากห้อง ไม่มีที่จะหลับนอน ต้องไปปูเสื่อนอนข้างถังขยะ ตนเคยไปถามผู้เสียชีวิตว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ได้แต่หัวเราะไม่พูดอะไร เคยพูดเคยเตือนให้เขาเลิกก็ไม่ยอม เขารักภรรยาเขามา อย่างไรก็ตามตัวผู้เสียชีวิตเขานิสัยดีมาก เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงเลย ส่วนตัวภรรยาของเขานั้น ตนแค่เคยเห็นหน้า แต่ไม่เคยคุยด้วยเลย เพราะไม่อยากจะยุ่งด้วย

 

 

            ด้าน รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต วิเคราะห์ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เรียกว่า ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งที่ฝ่ายหญิงทำแบบนั้นตนเชื่อว่าเป็นเพราะ สภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตมา มันผ่านเรื่องเหล่านี้มา ประกอบกับสถานภาพทางเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตให้อยู่รอด ประการสำคัญคือความเห็นแก่ตัว ซึ่งแสดงว่ามันไม่ใช่ความรัก ทว่าฝ่ายชายที่เสียชีวิตนั้นรัก ซึ่งตามปกติผู้ชายจะมีกำลังมากกว่าผู้ชาย หมายความว่า ผู้เสียชีวิตมีสิทธิ์จะป้องกันตัวเองได้แต่เขาไม่ทำ ทำให้ตนเชื่อว่าผู้เสียชีวิตเขาอยู่ด้วยความรัก 

 

            ส่วนฝ่ายหญิงนั้นการที่เขาก่อเหตุแล้วทิ้งผู้เสียชีวิตไว้ในห้องน้ำ มันสะท้อนให้เห็นว่าเขาไม่ได้อยู่เพราะความรัก แต่อยู่เพราะเงิน ขณะเดียวกันการที่เขาชิงไปแจ้งความก่อนนั้น ทำให้ตัดประเด็นว่าเขาป่วยวิกลจริตไปได้เลย เนื่องจากเขาสามารถเดินไปสื่อสารกับตำรวจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และมีความฉลาด จึงคิดได้ว่าแจ้งความไว้ก่อนนั้นจะได้เปรียบ 

 

 

            ขณะที่ รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า ในคดีลักษณะนี้เข้าข่ายเจตนาฆ่าแน่นอน และอาจจะเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย เพราะทำร้ายเสร็จแล้วทิ้งเขาไว้ในห้องน้ำ โทษประหารสถานเดียว นอกจากนี้ยังเข้าข่ายแจ้งความเท็จ ต้องไปตั้งข้อหาเพิ่ม เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เคราะห์ดีว่ามีพยานบุคคลเห็นเหตุการณ์ ถ้าฝ่ายหญิงอ้างว่าผู้เสียชีวิตจะทำร้าย เลยป้องกันตัว จะเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้อยากให้สังคมไทยรู้ไว้ว่า การทำร้ายร่างกายไม่ว่าจะกับเด็ก หรือผู้หญิง ผู้ชายก็ตาม มันผิดกฎหมายทั้งหมด อยากให้เพื่อนบ้านช่วยกันดู หลาย ๆ คดีที่ กัน จอมพลัง ช่วยมา เบาะแสก็มาจากเพื่อนบ้านทั้งนั้น 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/lV44cOcNS7o