ไม่ฟันธง ! “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หนีออกนอกประเทศ | เบื้องหลังข่าว กับ กาย สวิตต์

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - การตามล่า เสี่ยแป้ง นาโหนด ที่แหกคุกหลบหนีระหว่างพักรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาล ตำรวจพบรถยนต์ที่ใช้หลบหนี จอดไว้ใกล้ท่าเรือที่จังหวัดสตูล ตำรวจยังไม่ฟันธงว่า หนีออกนอกประเทศแล้วหรือไม่ ส่วนคนที่ช่วยเหลือหลบหนีออกหมายจับแล้ว 4 คน และกำลังจะออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คน

 

พบรถพา เสี่ยแป้ง นาโหนด หนี จอดทิ้งท่าเรือสตูล

 

เหตุการณ์ นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษคดีร้ายแรง แหกคุกด้วยการหลบหนีออกจากการคุมขังของเจ้าหน้าที่ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยใช้กุญแจผีไขกุญแจโซ่ตรวนลงลิฟต์ ขึ้นรถกระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู สีขาว หลบหนีไป

 

ความคืบหน้าวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 ที่ติดตามล่าตัวเสี่ยแป้ง พบรถกระบะ ทะเบียน 8 กจ 9049 พัทลุง คันที่พาเสี่ยแป้งหลบหนี ถูกจอดทิ้งไว้ใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย สันนิษฐานว่า เสี่ยแป้ง พร้อมคนช่วยเหลือ น่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

 

ที่จังหวัดสตูล มีด่านพรมแดนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือด่าน ตม. 3 แห่ง เป็นด่านทางทะเล 2 แห่ง คือด่านตำมะลัง และด่านเกาะหลีเป๊ะ อีก 1 ด่าน เป็นด่านทางบก คือด่าน ตม.วังประจัน อำเภอควนโดน ทั้ง 3 ด่าน เป็นด่านเขตแดนระหว่างรัฐเปอร์ลิส และรัฐเคดาห์ของมาเลเซีย

 

พันตำรวจเอกธนิสร แสงท่านั่ง ผู้กำกับการตำรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล บอกว่า ได้ประสานกับหน่วยความมั่นคงภายในจังหวัดสตูล ทั้งทหาร ตำรวจ และชุดท้องถิ่น เร่งค้นหาเสี่ยแป้ง เมื่อเช้า ตรวจค้นเข้มในพื้นที่หน้าด่านชายแดนวังประจัน อำเภอควนโดน ซึ่งติดกับบ้านวังเกลียน รัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซีย 

 

นอกจากนี้ ยังสั่งการไปยังพื้นที่บริเวณท่าเทียบเรือตำมะลัง อำเภอเมือง และบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวปากบารา ที่เป็น 2 ท่าเทียบเรือใหญ่ คอยรับส่งนักท่องเที่ยวในและนอกต่างประเทศ และสั่งกำชับลงตรวจลงตรวจตรา สะพานท่าเรือเล็กๆ ตามชายฝั่ง 200 กว่าแห่ง โดยกรณีรถยนต์ที่พบเบาะแสในพื้นที่จังหวัดสตูล ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนที่มาที่ไป

 

หมายจับ 4 ผู้ต้องหา ช่วย เสี่ยแป้ง หนี จับแล้ว 2 คน

 

ส่วนคนที่ช่วยเหลือเสี่ยแป้ง แหกคุกหลบหนี เมื่อวานนี้ช่วงเย็น ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกหมายจับ 4 คน ประกอบด้วย นางสาววิลาวัลย์ หรือไหม หมื่นรักษ์ คนเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง นางสาวยุวเรศ หรือหมวย กลศึก คนจ้างและจ่ายเงินให้นางสาวไหมไปเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง นายจิรวุฒิ หรือบอยหรือลูกวัว ชุมศรี คนที่ขึ้นไปบนตึกโรงพยาบาลและพาเสี่ยแป้งหลบหนี และคนสุดท้าย นายจักรี หรือ บิ๊ก แป้นน้อย คนที่ขับรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ พาเสี่ยแป้งหลบหนี ส่วนตัวเสี่ยแป้งเอง ถูกออกหมายจับจากการหลบหนีในคดีนี้ร่วมกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนนี้ด้วย

 

ตำรวจนำตัวนางสาวไหม มาสอบปากคำ เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ พบว่ามีการเตรียมรถ 2 คันไว้หลบหนี มีการแบ่งหน้าที่การก่อเหตุอย่างชัดเจน

 

ส่วนนางสาวหมวย เมื่อวานตำรวจไปค้นบ้านที่ตำบลควนขนุน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ตรวจยึดสลิปโอนเงิน และบัญชีธนาคารไปตรวจสอบ ซึ่งนางสาวหมาย ให้การว่า ตนไม่ทราบว่าเสี่ยแป้ง จะหลบหนีออกจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ ภรรยาเสี่ยแป้งมาหา บอกว่าเสี่ยแป้ง อยู่โรงพยาบาล แต่เขาไม่สะดวกไปเฝ้าหรือดูแล ให้ตนช่วยหาผู้ดูแลที่โรงพยาบาลให้ ตนจึงติดต่อป้าที่ดูผู้ป่วยที่โรงพยาบาล เพราะรู้จักกันหลังจากไปเยี่ยมเสี่ยแป้งที่โรงพยาบาลมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ ก่อนโทรศัพท์ติดต่อไปพูดคุยราคา โดยคนเฝ้าบอกว่า คืนละ 550 บาทในการดูแล ตนต่อรอง 400 บาท ก่อนโอนเงินให้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและค่าใช้สอย  แต่ไม่ทราบถึงแผนหลบหนี โดยนางสาวหมวย บอกสนิทกับเสี่ยแป้ง เพราะสามีเป็นลูกน้องของเสี่ยแป้งมานานหลายปี ก่อนสามีโดนจับกุมในข้อหาอุ้มฆ่า ในพื้นที่อำเภอเมืองพัทลุง ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

 

เมื่อเช้านี้ ตำรวจนำตัวนางสาวหมวย มาสอบสวนเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม แต่ว่านางสาวหมวยไม่ตอบคำถามใด ๆ สอบถามจากตำรวจ ทราบว่า ทั้งนางสาวหมวย กับนางสาวไหม ยังปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนร่วมต่อการวางแผนพาเสี่ยแป้งหลบหนี

 

ส่วนกรณีของนายจิรวุฒิ หรือบอย หรือนายลูกวัว ที่เป็นคนขึ้นไปรับเสี่ยแป้ง บนโรงพยาบาล และพาลงลิฟท์หลบหนี ตำรวจเข้าค้นบ้านที่ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง แต่ไม่พบ

 

ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งรัดคดี เผยจ่อออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ราย

 

พลตำรวจโท อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่เร่งรัดคดี ร่วมประชุมกับตำรวจชุดคลี่คลายคดี และรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หลังจากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ ได้รับรายงานว่าพบรถกระบะที่นายจีรวุฒิ และนายจักรี ลูกน้องคนสนิทของเสี่ยแป้ง ขับไปจอดทิ้งบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดสตูล ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นรถของกลุ่มผู้ต้องหาจริงหรือไม่ ส่วนจะหลบหนีออกนอกประเทศหรือไม่ ยังไม่ยืนยัน แต่คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว

ขณะที่ พลตำรวจตรี นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ล่าสุดน่าจะมีการออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ช่วยเหลือเสี่ยแป้ง อีก 1 ราย ซึ่งเป็นพลเรือน เนื่องจากตำรวจได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด

 

ภาพวงจรปิด เผยรถ 3 คัน เข้าไปรอรับตัว เสี่ยแป้ง

 

ส่วนการตรวจสอบพยานหลักฐาน ตำรวจได้ภาพวงจรปิดจากร้านค้าแห่งหนึ่งบริเวณริมถนนราชดำเนิน ก่อนถึงโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โดยช่วงเวลา 22.34 น. ของคืนวันที่ 21 ตุลาคม จะเห็นขบวนรถของกลุ่มผู้ต้องหา เป็นรถเก๋งสีดำขับนำหน้า 1 คัน ตามด้วยรถกระบะ 2 คัน ขับผ่านไปทางโรงพยาบาล

 

กระทั่งต่อมาเวลา 00.05 น. รถทั้ง 3 คัน ขับตามหลังออกจากโรงพยาบาล ผ่านสี่แยกหัวถนน มุ่งหน้าไปยังตำบลท่าเรือ ซึ่งจากหลักฐานเวลาที่ปรากฏในภาพ กลุ่มผู้ต้องหาพาเสี่ยแป้งหลบหนีเวลา 00.05 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม ซึ่งไม่ตรงกับคำให้การของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ระบุว่า เสี่ยแป้ง หลบหนีออกจากโรงพยาบาลเวลา 01.00 น.

 

ซึ่งจุดนี้ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์เอง เปิดเผยว่า ตอนนี้ เรือนจำนครศรีธรรมราช มีการสอบสวนประเด็นต่าง ๆ อยู่ แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ทั้งในเรื่องการนัดหมายของแพทย์ การเลื่อนนัด การเปลี่ยนโซ่ตรวน รวมถึงการที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ที่ต้องเฝ้าไข้เสี่ยแป้ง 2 ผลัด คือ ผลัดเช้า 2 นาย และผลัดบ่าย 2 นาย ซึ่งจะต้องมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทั้งหมด 4 นาย ที่เกี่ยวพันในเหตุการณ์นี้

 

ล่าสุดตำรวจพบความเคลื่อนไหวรถยนต์ของกลุ่มผู้ต้องหาที่พาเสี่ยแป้งหลบหนีอยู่ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง คาดว่าน่าจะยังไม่ออกนอกประเทศ เมื่อตรวจสอบรถที่พบในพื้นที่จังหวัดสตูล ลักษณะเหมือนการล่อลวงเจ้าหน้าที่ว่าเดินทางไปมาเลเซีย แต่ความเป็นจริงอาจจะยังอยู่ในพื้นที่

 

นอกจากนั้นแล้วกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชแล้ว และกรมราชทัณฑ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สั่งการให้กรมราชทัณฑ์ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมกำชับว่าจะต้องรู้ผลใน 1-2 วัน ว่ามีเจ้าหน้าที่ใดเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งส่งนายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการลงไปบัญชาสถานการณ์และมอบหมายให้อธิบดี DSI ส่งทีมไปช่วยจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีในครั้งนี้ด้วย