แม่ร่ำไห้ “ไม่มีเงิน 7 พัน” ฝากคลอดพิเศษ หมอใช้ยาเร่ง แถมปากดุ สุดท้าย “ลูกดับ”

 

พิศอาภรณ์ สังข์ทอง หรือ แอน แม่ผู้สูญเสียลุก ได้เปิดเผยภาพโลงศพของลูก โดยตัวเธอเองตั้งใจว่า จะไม่ทำพิธีฌาปนกิจจนกว่าจะได้รับความเป็นทำ ซึ่งแอนได้เล่าว่า ได้เริ่มฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 27 ม.ค.66 และมีการติดตามอาการทุกอย่างตามขั้นตอนของโรงพยาบาล กระทั่งอายุครรภ์ได้ 38 สัปดาห์ เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืด รวมถึงอาเจียนด้วย กระทั่งเข้ารับการตรวจจากแพทย์ผลออกมาว่าเด็กในครรภ์ปกติดี แต่ "คุณหมอ" กลับพูดจากับว่าที่คุณแม่รายนี้ว่า "ก็กินแต่ของไม่มีประโยชน์น่ะสิ ของที่มีประโยชน์ก็หัดกินบ้าง เค้ก ขนม ชานม กินเข้าไป" ท้ายที่สุดเธอได้แต่ชี้แจงไปว่า ตลอดการคั้งครรภ์ได้ควบคุมน้ำตาล และดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และประเด็นที่สร้างความประหลาดใจคือหมอแจ้งว่าเด็กในครรภ์มีน้ำหนัก 3 กิโลกรัม แต่สัปดาห์ที่ 39 หมอแจ้งว่าหนัก 2.7 กิโลกรัม

 

 

 

ต่อมาแอนได้มีการแจ้งความประสงค์กับทางโรงพยาบาลว่า "อยากผ่าคลอด" เนื่องจากพบข้อมูลว่าหญิงตั้งครรภ์ที่มีความดันโลหิตสูงหากเบ่งคลอดเองโดยวิธีธรรมชาติจะมีภาวะเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตก และการผ่าคลอดต้องผ่านขั้นตอน "ฝากคลอดพิเศษ" ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 7,000 บาท ซึ่งแอนไม่ได้ดำเนินการในส่วนนี้

 

 

 

ท้ายที่สุดอายุครรภ์ของแอนได้ 39 สัปดาห์ หมอได้แอนกลับบ้านตามปกติ จนถึงสัปดาห์ที่ 40 หมอยังยืนยันว่าจะไม่ผ่าคลอดให้ แต่จะใช้วิธีการเหน็บเร่งคลอดยาแทน โดยเริ่มเหน็บครั้งแรก วันที่ 20 ก.ย.66 ก็พบว่าเด็กในครรภ์ยังปกติ แต่คุณแม่ยังไม่คลอด ต่อมาวันที่ 21 ก.ย.66 หมอใช้ยาเหน็บเป็นครั้งที่ 2 แอนก็ยังไม่คลอดลูก และภายในคืนวันเดียวกันนี้ แอนได้รับแจ้งว่าให้งดน้ำ งดอาหาร เพื่อเตรียมผ่าคลอดในวันที่ 22 ก.ย.66 กระทั่งช่วงเช้าของวันดังกล่าว มีหมอมาตรวจปากมดลูกและแจ้งว่า ต้องเหน็บยาครั้งที่ 3 พร้อมกับย้ำว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผ่า และในช่วงบ่ายก็พบว่าชีพจรของเด็กในครรภ์เต้นอ่อนลงจนนำไปสู่การผ่าตัดในที่สุด

 

 

 

 

หลังจากขั้นตอนการผ่าตัดเสร็จสิ้น หมอได้เดินมาพร้อมกับทีมไกล่เกลี่ย แจ้งกับสามีและแม่ของแอนว่า เด็กในครรภ์ขาดออกซิเจนในสมอง ปอดแตกเนื่องจากสำลักขี้เทา และหายใจเองไม่ได้ หากมีข้อสงสัยให้คุยกับทีมไกล่เกลี่ยได้เลย ท้ายที่สุดจึงมีการนำทารกน้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในจังหวัดราชบุรี เนื่องจากต้องเข้าตู้อบเย็น และทารกน้อยมีอายุได้เพียงแค่ 2 วันก็เสียชีวิตลงในวันที่ 24 ก.ย.66 

 

 

ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องที่สะท้อนใจมาก เนื่องจากครอบครัวของแอนมีบุตรยาก ตั้งแต่วันที่แอนสูญเสียลูกน้อย ก็ไม่สามรถนอนหลับเองไม่ได้เลย ต้องอาศัยกินยาบรรเทาอาการทั้งร่างกายและจิตใจ ที่เศร้าไปกว่านั้นในบ้านยังมีการจัดข้าวของเครื่องใช้ ของเล่นไว้รอต้อนรับลูกคนแรกกลับบ้าน แต่ทุกสิ่งก็เหลือไว้เพียงความทรงจำ ยิ่งไปกว่านั้นแอนและสามียังตั้งโลงศพลูกไว้ในบ้าน  พร้อมกับนั่งทานข้าวข้างโลงศพลุก ชงนมให้ลูกทุกวัน 

 

 

"คุณหมอทำคลอดถูก หรือ ไม่ถูก ผมไม่รู้ แต่วันนี้ มีคนมาขอความเป็นธรรมกับลูกที่จากไป เพราะไม่มีใครให้คำตอบกับความสูญเสียครั้งนี้ได้เลย" 

 

นายเอกภพจึงประสานไปยัง นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน เกี่ยวกับกระบวนการช่วยเหลือเยียวยา หรือการผ่าชันสูตรทารกน้อยเพื่อไขความกระจ่างในเรื่้องนี้ต่อไป

 

 

 

 

ส่วน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว อธิบายว่า ขี้เทาที่พบในปอดของทารก คือ อุจจาระของเด็กเอง แต่โดยปกติเด็กทารกจะไม่มีการขับถ่ายขณะอยู่ในครรภ์ เพราะหากมีกรณีดังกล่าว อุจจาระจะไปผสมอยู่กับน้ำคล้ำนำไปสู่การสำลักเข้าไปซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ ซึ่งการมีขี้เทาจำนวนมาก อาจเกิดมาจากภาวะรกเสื่อม หรือความเครียดของทารกเอง รวมถึงอาการครรภ์เป็นพิษหรือความดันโลหิตสูงประกอบด้วย ประเด็นสำคัญคือการผ่าชันสูตรเป็นการพิสูจน์ถึงสาเหตุการเสียชีวิต แต่ก็ไม่สามรถอธิบายได้ทั้งหมด ต้องดูเรื่องเวชระเบียนร่วมด้วยเพื่อพิสูจน์ในประเด้นการใช้ยาเหน็บยาเร่งคลอดถึง 3 ครั้ง

 

 

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/OU2dzKlR504