logo ถกไม่เถียง

ตายายสะอื้น อ้าง “ลูกสาวในไส้” วางยานาน 3 ปี หวัง “ฮุบสมบัติ 500 ล้านบาท”

ถกไม่เถียง : ตา-ยาย ร้องสายไหมต้องรอด เชื่อถูกลูกสาวคนเล็กวางยา ทำให้กลายเป็นคนไร้ความสามารถ หวังฮุบมรดกมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เคราะห์ดีที่ลูกสาว ถกไม่เถียง,ทิน โชคกมลกิจ,ch7hd,terodigital

22,595 ครั้ง
|
20 ต.ค. 2566
ตา-ยาย ร้องสายไหมต้องรอด เชื่อถูกลูกสาวคนเล็กวางยา ทำให้กลายเป็นคนไร้ความสามารถ หวังฮุบมรดกมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เคราะห์ดีที่ลูกสาวคนโตช่วยเหลือออกมาได้ทัน 
 
วันที่ 20 ต.ค. 66 คุณพัสร์ หลานสาวของผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ว่า บ้านของตนอยู่รวมกันแบบครอบครัวใหญ่ มีบ้านปลูกติดกันหลายหลังโดยไม่มีรั้วกั้น สาเหตุที่ทำให้คุณตาคุณยายแยกกันอยู่กับแม่ของตน (ลูกสาวคนโต) แล้วไปอยู่กับลูกสาวคนเล็ก เนื่องจากมีปัญหากันภายในครอบครัวเรื่องการขายที่ดินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท 
 
ถกไม่เถียง : ตายายสะอื้น อ้าง “ลูกสาวในไส้” วางย
 
คุณตานอ คุณยายแว่น เล่าต่อว่า หลังจากที่ย้ายไปอยู่กับลูกสาวคนเล็ก ลูกได้ให้ยามากินอ้างว่าช่วยรักษาโรคประจำตัว เมื่อกินยาแล้วมีอาการตาค้าง คอแห้ง ปากแห้ง ชักเกร็ง ไม่มีแรง ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยืนยันว่าเมื่อออกมาจากบ้านลูกสาวคนเล็ก ไม่ได้กินยาแล้ว อาการดังกล่าวก็หายไป กลับมาแข็งแรงเป็นปกติเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังถูกลูกเขยมีพฤติกรรมไม่ดีใส่ตลอด หลังออกมาจากบ้านลูกสาวคนเล็ก ได้เข้าไปแจ้งความคดีลักทรัพย์ เนื่องจากถูกลูกถอนเงินในบัญชีไปใช้และถูกโอนที่ดินจากของตนกลายเป็นของลูกโดยที่ตนไม่รู้ตัว แต่ถูกลูกฟ้องกลับข้อหาแจ้งความเท็จ
 
ถกไม่เถียง : ตายายสะอื้น อ้าง “ลูกสาวในไส้” วางย
 
คุณพัสร์ เล่าต่อว่า ลูกสาวคนเล็กพยายามล้อมรั้วไม่ให้คนอื่นเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้คุณตาคุณยายดูแลกันเอง ตนไม่เคยพบคุณตาคุณยายอีกเลยเป็นเวลากว่า 2 ปี จนสุดท้ายคุณยายร้องไห้ผ่านกำแพงขอให้ลูกสาวคนโต (แม่ของตน) มาช่วยเหลือ สุดท้ายสามารถช่วยเหลือออกมาได้ และได้มารู้ภายหลังว่าที่ดินมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ถูกโอนให้ลูกสาวคนเล็กแล้ว โดยที่คุณตาคุณยายก็ไม่รู้ว่ายกที่ดินให้ตอนไหน ส่วนเงินในบัญชีของทั้งสองคนรวมกว่า 16 ล้านบาท ก็ถูกถอนออกไปจนหมด
 
ถกไม่เถียง : ตายายสะอื้น อ้าง “ลูกสาวในไส้” วางย
 
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เผยว่าเคยเจอเคสที่คล้ายกับกรณีนี้หลายครั้ง ส่วนใหญ่การวางยาจะเกิดขึ้นจากคนใกล้ตัว ยาที่ใช้จะมีตั้งแต่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ยาจิตเวช ยาสลบ จากอาการของคุณตาคุณยายที่มีอาการเหมือนกัน และหายพร้อมกัน สามารถสืบหาได้ว่าถูกวางยาจริงหรือไม่ วิธีสืบหาสารในร่างกายหลังจากผ่านไปแล้ว 6 เดือน ทำให้ตรวจหาได้ยาก แต่ยังมีโอกาสตรวจพบได้ในเส้นผม ยืนยันว่าถ้าหากผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่มีใบรับรองแพทย์ว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนจะไม่สามารถโอนที่ดินให้ผู้อื่นได้
 
ถกไม่เถียง : ตายายสะอื้น อ้าง “ลูกสาวในไส้” วางย
 
คุณนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เล่าว่า ได้พาคุณตาคุณยายไปตรวจกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยคุณหมอยืนยันว่าสามารถตรวจหาสารในร่างกายผ่านเส้นผมได้ นอกจากนี้ยังพบยาปริศนาในบ้านของลูกสาวคนเล็ก ซึ่งจะนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบคดีต่อไป เรื่องเงินในบัญชีคุณตาพบว่าถูกโอนเข้าบัญชีลูกสาวคนเล็กเกือบทั้งหมด ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกับท่านธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เพื่อสืบหาความจริงคืนความเป็นธรรมให้แก่คุณตาคุณยาย
 
ถกไม่เถียง : ตายายสะอื้น อ้าง “ลูกสาวในไส้” วางย
 
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า มีกรณีนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อลูกไม่อยากแบ่งมรดกของพ่อแม่ให้พี่น้องคนอื่น แต่คนปกติใช้วิธีเอาใจใส่ดูแลพ่อแม่อย่างดี เพื่อให้ได้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว แต่ในกรณีนี้ที่อ้างว่าถูกวางยาแล้วบังคับให้โอนมรดกให้ จะต้องสืบหาหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาการโอนที่ดิน ยาที่ลูกสาวคนเล็กให้กิน ก็จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าหาจากไหน ใครเป็นคนให้กิน ถ้าหากเป็นการโอนที่ดินโดยไม่ได้ยินยอมสามารถฟ้องเอากลับคืนได้ ในทางกฎหมายถ้าหากพ่อแม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ ศาลจะให้มีคนดูแลทรัพย์สินแต่ไม่สามารถเบียดบังทรัพย์สินไปใช้จ่ายเองได้
 
ติดตาม  รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง"  ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ”  ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 
 

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่ https://youtu.be/ngSY1XPsrt8?si=rL6F2xJi_2jQfdE7

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง