อุกอาจ ! ผู้ต้องหาฆ่าคนตาย ประกันตัวออกมาทำร้ายพยาน | เบื้องหลังข่าว กับ กาย สวิตต์

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุการณ์นี้อุกอาจมาก มีผู้เสียหายส่งคลิปขอความช่วยเหลือมายังเพจสายไหมต้องรอด พร้อมระบุว่า คนร้ายที่ยิงสามีของดิฉันเสียชีวิตเมื่อปี 2565 ได้ประกันตัวออกมา ก่อนบุกมาคุกคามและทำร้ายร่างกายพยานสำคัญในคดีถึงที่บ้าน ดิฉันและลูกวัย 2 ขวบ รู้สึกไม่ปลอดภัยกับชีวิต อยากให้คนร้ายได้รับโทษโดยเร็วตอนนี้คดีล่าช้ามาก

 

ในคลิปจะเห็นว่า คนร้ายกำลังบีบคอ นายนายศรัญ อยู่ ซึ่ง นายศรัญ เป็นลูกจ้างของเจ้าของบ้านและยังเป็นพยานสำคัญในคดีคนร้ายยิงสามีเจ้าของบ้านตายอยู่ แต่มี นายจิรพันธ์ เข้ามาช่วยถีบคนร้าย ทำให้คนร้ายหนีไป 

 

ล่าสุดเมื่อเช้านี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา นางสาวฐิติชญา โอชพันธ์ อายุ 36 ปี (ภรรยาผู้เสียชีวิต) และ นายจิรพันธ์ ยิ่งบำรุง อายุ 26 ปี ลูกน้องในร้าน ใส่เสื้อไลน์แมนในวงจรปิด และ นายศรัญ สินสุพรรณ อายุ 41 ปี ลูกน้องในร้าน คนใส่ผ้าคลุมหน้า-ถูกล็อกคอในวงจรปิด เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอก พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง เพื่อแจ้งความหลังคู่กรณีบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายพยานสำคัญ ในคดีของสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว

 

นายศรัญ สินสุพรรณ อายุ 41 ปี ลูกน้องในร้าน คนใส่ผ้าคุมหน้าถูกบีบคอในคลิป กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนร้ายขับรถยนต์มาจอดหน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ระหว่างนั้นตนเองกำลังนั่งเล่นอยู่หน้าร้านกับเพื่อน จากนั้นคนร้ายได้ลงมาจากรถ 2 คน หนึ่งในนั้นตนเองจำได้ว่า คือผู้ต้องหายิงคนตาย ที่ตนเองไปเป็นพยานชี้ตัวในคดี พอคนร้ายลงจากรถมาก็พูดว่า จำกูได้ไหม คนที่ไม่เกี่ยวไม่ต้องยุ่ง จากนั้นก็กระโดดเข้ามาทำร้ายตนเองจนเสียหลักล้มลงไป แล้วก็พยายามบีบคอตนเอง พอตนเองกำลังจะลุกขึ้น คนร้ายอีกคนเข้ามาใช้ไม้ตีตนเองอีก เพื่อนตนเองที่อยู่ในที่เกิดเหตุจึงเข้ามาช่วย ทำให้คนร้ายรีบขึ้นรถ แล้วขับรถหนีไป

 

สาเหตุที่ตนเองถูกทำร้าย เชื่อว่าเป็นเพราะตนเองเป็นพยานสำคัญในคดีที่คนร้ายยิงคนตาย ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่รู้คนร้ายจะมาในรูปแบบไหน ตนเองคาดว่าผู้ก่อเหตุวางแผนมาเพื่อทำร้ายตนเองโดยเฉพาะ ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมและนำตัวคนร้ายเข้าไปอยู่ข้างในเรือนจำดีกว่า ดูแล้วความป่าเถื่อนยังไม่ลดลง รอบนี้อาจจะแค่นี้ รอบหน้าอาจจะพกอาวุธปืนเหมือนคราวก่อนก็ได้

 

นางสาวฐิติชญา โอชพันธ์ อายุ 36 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คนร้ายที่บุกมาทำร้ายลูกน้องตนเองนั้น เป็นคนเดียวกับคนร้ายเคยยิงสามีของตนเสียชีวิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 โดยคดียังอยู่ในชั้นศาล และคนร้ายได้ประกันตัวออกมา ตอนนี้ตนเองแต่รู้สึกกลัว เหมือนโดนคุกคาม ต้องการความปลอดภัย ทางตนเองมีลูกเล็กวัยแค่ 2 ขวบ และที่สำคัญร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของตนเองต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตอนนี้ต้องปิดไปก่อน เพราะเกรงอันตราย

 

นายจิรพันธ์ ยิ่งบำรุง อายุ 26 ปี ลูกน้องในร้าน ใส่เสื้อสีขาว-ใส่เสื้อไลน์แมนในวงจรปิด กล่าวว่า มีคนร้าย 2 คน ถือไม้ลงมาจากรถยนต์ ลงมาทำร้ายตน กับเพื่อนรุ่นพี่ตนเอง ตนเองเห็นเพื่อนกำลังถูกบีบคออยู่ ตนเองจึงเข้าไปช่วย ตนเองได้รับบาดเจ็บถูกไม้ตีที่แขน วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งความ และเดี๋ยวจะเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย

 

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า เรื่องนี้อันตราย เพราะหลังจากผู้ก่อเหตุถูกประกันตัวมา มีการมาดูลาดเลาไว้ก่อนแล้ว แต่สบโอกาส คราวนี้คงสบโอกาสจึงเข้ามาทำร้าย เห็นผลที่มาทำร้ายเชื่อว่า ใกล้เวลาขึ้นศาลแล้ว คาดว่าผู้ก่อเหตุจะมีพฤติกรรมมาข่มขู่พยานปากสำคัญที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น หลังจากนี้จะเร่งเพิกถอนการประกันตัวเป็นอย่างแรก เพราะผู้เสียหายหวาดกลัวมาก ถึงขั้นขอมาหลบอยู่ในเซฟเฮาส์ของสายไหมต้องรอดก่อน

 

ด้าน พันตำรวจเอก พฤฒ จำรูญศาสน์ ผู้กำกับการ สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า คดีใหม่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย ดูจากบาดแผลแล้วไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่จากการตรวจสอบคาดว่าจะเป็นคดีต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ซึ่งได้มีการจับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณาคดีของศาล บ่ายวันนี้พนักงานสอบสวนในคดีเก่าจะไปขอคัดค้านการประกันตัว เพราะการกระทำของคนร้ายเข้าเงื่อนไขที่จะขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากไปยุ่งกับพยาน ไม่ต้องห่วง จะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

 

ต่อมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ลงพื้นที่ไปบ้านหลังที่เกิดเหตุ พบ นายบอย (นามสมมุติ) เพื่อนบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ตอนที่ผู้ก่อเหตุยิงสามีเจ้าของบ้าน ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่ผู้ก่อเหตุยิง เจ้าของบ้านเสียชีวิต สาเหตุมาจาก ผู้ก่อเหตุไปแซวภรรยาของผู้ตาย ผู้ตายจึงถามไปว่าแซวภรรยาของตนทำไม ผู้ก่อเหตุถามกลับว่าแซวเรื่องอะไร พูดกันไปมากลายเป็นต่อว่ากัน แต่ไม่มีการชกต่อยกัน หลังจากนั้นก็ห่างหายกันไปเป็นปี ครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายมีปากเสียง ท้าทายชกต่อยกัน ตนเข้าไปห้าม คาดว่าฝั่งผู้ก่อเหตุคงเจ็บตัว จึงกลับไปเอาปืนมายิงจน ตนนั้นคนโดนยิงยังไม่เสียชีวิต น้องบอกว่าไม่เป็นไร จึงพามาที่บ้าน พอมาถึงหน้าบ้าน ผู้ก่อเหตุได้วิ่งมายิงซ้ำอีก จนทำให้เสียชีวิต