ลูกสาวถึงกับเดือด หลัง รถโรงพยาบาลมารับพ่อที่โรคหัวใจกำเริบ แต่กลับแวะชมต้นไม้ พร้อมแวะซื้อกล้วยทอด ล่าสุด โรงพยาบาลแจง แวะซื้อเพียงแค่ 3 วินาที ประเด็นดรามานี้จะจบอย่างไร ติดตามใน "ถกไม่เถียง"
วันที่ 17 ต.ค. 2566 สุชาดา น้ำมะลิ (แอ๋ม) ลูกสาวของผู้ป่วย เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ คุณพ่อ โรคหัวใจกำเริบ ถึงขั้นหมดสติ จึงได้โทรเรียกรถพยาบาล เมื่อรถพยาบาลมาถึงเขาได้สอบถามอาการของพ่อ พ่อได้ตอบว่า "ตอนนี้ประมาณ 8%" หลังจากซักประวัติเสร็จเขาก็พาพ่อขึ้นรถ แต่เขากลับไม่ยอมออกรถ ให้เหตุผลว่า น้องชายตนที่ขึ้นรถไปด้วยยังเด็กเกินไป จะเซ็นยินยอมในการรักษาไม่ได้ ทั้งที่น้องของตนอายุ 22 ปีแล้ว จอดอยู่อย่างนั้นประมาณ 10 นาทีถึงจะออกรถ
ส่วนตนนั่งรถจักรยานยนต์สามีตามออกมา ทว่าระหว่างติดไฟแดง ตนกลับเห็นรถพยาบาลจอดอยู่ข้างหน้าเมื่อถึงโรงพยาบาลจึงได้ถามน้องชายที่อยู่บนรถ น้องบอกว่า รถพยาบาลเขาจอดแวะซื้อกล้วยทอด และมีชะลอรถแวะชมต้นไม้ด้วย ซึ่งในตอนนั้นตนก็รู้สึกโมโหมาก ตนอยากได้คำชี้แจงแต่กลับได้เพียงแต่คำขอโทษ สำหรับตอนนี้ตนไม่ได้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ถูกไล่ออก เพียงแต่ต้องการให้เกิดการปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดกับใครอีก
ด้าน สุทธิพร ทองเกิด (สแตมป์) หลานของผู้ป่วย เผยว่า ตนคือคนที่ขึ้นรถไปพร้อมกับคุณตา หลังจากรถพยาบาลออกจากบ้านมาไม่นาน เขามีการจอดแวะดูต้นไม้คุยกับคนหลังรถ ก่อนเลี้ยวออกถนนใหญ่ และมีการจอดรับกล้วยทอดจากแม่ค้า อีกทั้งยังมีการเปิด ๆ ปิด ๆ ไฟฉุกเฉิน
พอถึงบ้านที่เขาแวะดูต้นไม้ เขาชะลอรถ ตอนแรกตนคิดว่าเขาชะลอเพราะลูกระนาด แต่คนขับกลับคุยกับคนหลังรถให้ดูต้นไม้บ้านดังกล่าว ขณะเดียวกัน ช่วงที่จะออกจากซอยเขาเปิดเสียงหวอแค่ช่วงหนึ่งแล้วก็ปิด พอใกล้ไฟแดงเขาก็ปิด แต่พอติดไฟแดงเขาก็ปิด พร้อมกับ ตะโกนว่า "วิ่งข้ามฝั่งมาแล้ว" ซึ่งก็คือแม้ค้ากล้วยทอดที่วิ่งข้ามฝั่งมา และแม่ค้าก็วิ่งข้ามมารอหน้ารถ จากนั้นรถพยาบาลก็ชะลอและจอดรถรับกล้วยทอด
ฟาก นาวาเอก (พิเศษ) นพ.พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ชี้แจงว่า รถพยาบาลคันดังกล่าว มีบุคลากรระดับสูงไปด้วย เขาจะมีการประเมินและรักษาในจุดเกิดเหตุให้อยู่ในระดับปลอดภัยก่อนนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ ตลอดกระบวนการของรถพยาบาล ตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ ไปจนถึงการนำส่งโรงพยาบาล ต้องบอกว่าระยะเวลาทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 20 นาที ถือว่าเป็นระดับเวลาที่ดีมาก ส่วนการแวะรับกล้วยทอดนั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก หน่วยปฏิบัติการแพทย์ที่ออกปฏิบัติการฉุกเฉิน ต้องปฏิบัติตาม ศูนย์รับแจ้งเหตุอย่างเคร่งครัดเท่านั้น และการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ผู้ป่วยอาการลุกลามบานปลายได้ ในเรื่องนี้ เราได้ดำเนินการในการหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า ในทางกฎหมาย รถพยาบาล เข้าข่ายประมาท เพราะมีการแวะดูต้นไม้ แวะซื้อกล้วยทอด สามารถเรียกเงินค่าเสียหายทางแพ่งได้ ส่วนทางอาญา ถ้าประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่น หรือ ถ้าประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท แต่โชคดีว่าคุณพ่อเขารอด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ได้เลย
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35