เชื่อว่าหลายคนที่เริ่มลงทุน โดยกองทุนรวมเป็น 1 ในตัวเลือกที่น่าสนใจ วันนี้จะมาไขข้อสงสัย "กองทุนรวม" คืออะไร และมีกี่ประเภท
กองทุนรวม เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ แต่ว่าเราไม่ต้องเป็นผู้ดูแลเอง ใช้วิธีการรวมเงินของนักลงทุนที่สนใจในสินทรัพย์นั้น ๆ และรวมเงิน นำไปลงทุนร่วมกัน โดยให้ผู้บริหารกองทุนหรือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้ดูแลการลงทุนให้เรา เสมือนเป็นการลงทุนผ่านตัวแทน ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มีเปิดบริการอยู่จำนวนมาก สามารถเลือกดูที่สนใจลงทุนได้
8 ประเภทกองทุนรวม
1. กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)
เน้นลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้คุณภาพดีอายุต่ำกว่า 1 ปี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยที่สุด เหมาะสำหรับเป็นที่พักเงินชั่วคราวมากกว่าลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทน
2. กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund)
มีนโยบายลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้รูปแบบต่าง ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน และหุ้นกู้ของภาคเอกชน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย และควรศึกษาลักษณะของกองทุนที่ลงทุน หากกองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง ก็ควรลงทุนอย่างน้อย 1 ปี
3. กองทุนรวมผสม (Mixed Fund)
เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์อื่น ๆ โดยโอกาสรับผลตอบแทนก็จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของสินทรัพย์ที่ลงทุนในกองทุน กองทุนผสมเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับปานกลางค่อนข้างสูง หรือคนที่ต้องการกระจายลงทุนหลายสินทรัพย์ในกองทุนเดียว ซึ่งกองทุนผสมจะตอบโจทย์มากกว่าการเลือกลงทุนเอง เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลปรับสัดส่วนการลงทุน เพื่อให้ได้โอกาสทำกำไรสูงสุดในแต่ละสภาวะตลาด
4. กองทุนรวมตราสารทุน หรือ กองทุนรวมหุ้น (Equity Fund)
มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น (warrant) สำหรับกองทุนรวมหุ้นไทยก็จะมีหลากหลายนโยบาย เช่น ลงทุนตามดัชนี SET50, ลงทุนในหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ฯลฯ กองทุนรวมหุ้นมีความผันผวนสูง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มาก สามารถลงทุนระยะยาวได้ และยอมรับการขาดทุนในระยะสั้น
5. กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF)
เป็นกองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่เหนือกว่าการลงทุนในประเทศ และยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน โดยกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศที่ได้รับความนิยม มักเป็นการลงทุนตามดัชนีสำคัญ ๆ ของโลก กองทุนรวมประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง ถึงสูงมาก และยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่นักลงทุนต้องระวัง ก่อนลงทุนควรศึกษาว่ากองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนหรือไม่ด้วย
6. กองทุนรวมที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก (Alternative Investment)
มีหลากหลายประเภทสินทรัพย์ให้เลือกลงทุน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมันดิบ และทองคำ เป็นต้น จัดเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรมีความรู้ในสินทรัพย์นั้น ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน
7. กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF)
เป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษี ต้องมีการลงทุนตามเงื่อนไขของกรมสรรพากรและเมื่อซื้อแล้วต้องถือครองให้ครบเป็นเวลา 10 ปีนับจากวันที่ซื้อจึงจะสามารถไถ่ถอนได้
8. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF)
เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่ส่งเสริมการออมเงินในระยะยาวเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณและมีสิทธิลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งมีเงื่อนไขหลักในการลงทุนคือ จะต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี ต่อเนื่องและต้องมีอายุครบ 55 ปี จึงจะสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนได้
โดยการซื้อกองทุนรวมได้ที่สถาบันการเงินที่เปิดให้ซื้อได้เลย ซึ่งหลาย ๆ กองทุนรวม จะมีการกำหนดขั้นต่ำ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ธนาคารได้เลย โดยจะมีผู้แนะนำการลงทุนมาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณา หรือสามารถซื้อผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร โดยเลือกการลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายการลงทุนของคุณได้เลย
พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และช่องทางออนไลน์ TERO Digital