มิสทิฟฟานี่ 2009 “เสริมจมูก” หนองไหลเสียโฉม สุดอึ้ง คนทำ “ไม่ใช่หมอ”

"แจ๊ส" อดีตมิสทิฟฟานี่ 2009 ร้องทุกข์ หลังรับรีวิวเสริมศัลยกรรมจมูก แต่กลับพังยับ บวมแดงอักเสบ พร้อมหนองไหล จนจมูกเน่า ซ้ำ ตอนไปแก้กลับเป็นผู้ช่วยที่มาถอดซิลิโคน !

 

 

            วันที่ 13 ต.ค. 2566 สรวีย์ รวีรัฐฐากรณ์ (แจ๊ส) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายกายโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนได้ศัลยกรรมเสริมจมูกมาแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เรื่องเริ่มจาก เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2566 ตนได้ติดต่อคลีนิกไป เพราะอยากศัลยกรรมแก้จมูกใหม่ แต่ในการทำจมูกครั้งก่อนหน้ามันไม่ได้ปัญหาอะไร เพียงแต่อยากให้มันสวยขึ้น ซึ่งคุยราคาได้ที่ 4 หมื่นบาท ทว่าคลีนิก ทว่าทางคลีนิกขอให้ตนเองช่วยรีวิวเรียกลูกค้าแล้วจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการทำครั้งนี้ มีเพียงเสียค่ายาจำนวน 2,900 บาท เท่านั้น 

 

            หลังจากทำเสร็จแล้ว 2-3 วัน มันมีอาการที่ปลายจมูกบวมแดง ด้วยความชะล่าใจไม่คิดว่าจะเป็นอะไร จึงปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นเกือบ 2 สัปดาห์ ในระหว่างนั้นก็จะมีอาการ อักเสบ บวมแดงขึ้นเรื่อย ๆ และมีหนอง เลยตัดสินใจติดต่อไปที่คลีนิก ในวันที่ 8 ส.ค. 2566 ได้คุยกับหมอ เขาแนะนำให้ตนรีบแก้ แต่ด้วยความที่ตนมีคิวงาน ถ่ายรายการที่ต้องทำเยอะ จึงขอยืดเวลาออกไป 1 สัปดาห์ เมื่อถึงเวลาตนไปที่คลีนิกก็ได้เจอกับหมอ แต่เป็นหมอคนละคนกับตอนแรก จากนั้นเขาก็เริ่มทำ โดยมีการฉีดยาชาหลายเข็มมาก ซึ่งเขาให้เหตุผลว่ามันอักเสบเยอะ เลยต้องใช้ยาชาเยอะ จากนั้นเขาใช้เวลาเอาซิลิโคนออกแค่ 15 นาที ซึ่งคนที่เอาออกไม่ใช่หมอแต่เป็นพนักงานผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้วยเหมือนจะเป็นผู้ช่วยเสียมากกว่า ทำให้ตนตกใจมาก คิดว่าคนนี้ไม่ใช่หมอแต่ทำไมทางคลินิกถึงให้เป็นคนมาแก้ให้กับตน 

 

 

            อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากเอาเรื่องพนักงานที่แก้จมูกให้ตน เพราะตนสงสาร ตนเพียงอยากให้แก้จมูกของตนกลับมาให้เหมือนเดิม ซึ่งตนได้คุยติดต่อกับทางเจ้าของคลีนิกเขาก็ยินดีที่รักษาดูแลต่อให้ โดยเขาเสนอจ่ายเงินให้แค่ 1 แสนบาท แต่ตนสืบมาจากคลีนิกอื่นว่าถ้ารักษาในกรณีนี้อาจต้องจ่ายถึง 3 แสนบาท ตนก็แอบน้อยใจทางเจ้าของคลีนิกเหมือนกันที่เขาตีค่าความเจ็บปวดของตนในราคาเท่านั้นเอง ตนเจ็บปวดมากว่า 2 เดือน ที่ไม่สามารถรับงานได้เลย สุดท้ายตนจึงได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อ เพราะไม่อยากให้เรื่องราวแบบนี้ไปเกิดขึ้นกับคนอื่น ซึ่งในตอนแรกก็เกือบจะยกเลิกการออกสื่อ เพราะสงสารทางเจ้าของคลีนิก 

 

 

            ด้าน วา เจ้าของคลินิก กล่าวว่า เจตนาของตนไม่ได้อยากเอาเงินจากพี่แจ๊ส เราแค่อยากทำให้ผลงานสวยเพื่อเป็นการรีวิวคลีนิก ทั้งนี้ ตนได้คุยกับ อ.หมอ ที่จะรับเคสของพี่แจ๊สต่อ เขาบอกสามารถทำได้ โดยต้อง ไปรักษาที่โรงพยาบาล และอาจต้องมีการผ่าตัดสองรอบ โดยมีการตีราคาประมาณ 1 แสนบาท แต่ทางพี่แจ๊สเขาก็ยื่นหมอที่เขาจะรักษาเองในราคา 3 แสนบาท ซึ่งตนก็ไม่ติดอะไรเข้าใจว่าพี่เขาอาจจะไม่มั่นใจในเราแล้ว ทว่าตนได้เห็นว่าเขาจะรักษาทั้งที ในวงเงินที่สูง จึงได้ยื่นแนะนำหมอเก่ง ๆ ให้พี่แจ๊สไปด้วย 

 

            อย่างไรก็ตาม ตนยินดีดูแลชดใช้ให้พี่แจ๊สทุกอย่าง รวมถึงการเยียวยาที่พี่แจ๊สต้องขาดรายได้จากการทำงานไม่ได้ แต่ตนขอเวลาเก็บเงิน 1 เดือน ส่วนเรื่องที่ผู้ช่วยเป็นคนถอดซิลิโคน ตนก็ได้สอบถามไปที่พนักงานแต่ยังไม่ได้คำตอบอะไร เนื่องจากตนยังไม่ได้เข้าไปที่คลีนิก เพราะมีอากการป่วย หลังจากนี้ตนจะเข้าไปดูว่าการรักษาเป็นอย่างไร และจะดำเนินการแก้ไข 

 

 

            ฟาก รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า ตนได้เข้ามาแลเคสนี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ให้คุณแจ๊สไปคุยกับทางคลีนิกก่อน เพราะเขาสงสารไม่อยากเอาเรื่อง ถ้าตนดำเนินการแล้วมันจะย้อนกลับไม่ได้ ทั้งนี้ตามกระบวนการกฎหมาย ถ้านำคนที่ไม่ใช่หมอมาทำการฉีดยา มาผ่าตัด จะมีข้อหาทำร้ายร่างกาย ถ้าหากเป็นหมอจริงก็ต้องมาดูว่ารักษาตามขั้นตอนหรือไม่ 

 

 

            ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เผยว่า ปกติแล้วการฉีดยา พยาบาลสามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นการถอดซิลิโคนต้องเป็นหมอเท่านั้น ส่วนผู้ช่วยไม่สามารถทำได้ทั้ง  2 อย่าง ซึ่งถ้าหากจะเอาเรื่องก็คงต้องไปพิสูจน์ อย่างไรก็ตาม ตนได้คุยกับคุณแจ๊สนอกรอบ ว่าการรักษา 3 แสนบาท มีหมอรับทำแล้ว ทำให้ตนคิดได้ว่าสามารถแก้ไขกลับมาให้ใกล้เคียงปกติได้ เพราะถ้ามันแก้ไขไม่ได้ จะไม่มีหมอมารับทำ 

 

            ขณะที่ น.อ.นพ. สุรินท์นาท เจริญจิตต์ (หมอแช้มป์) ศัลยแพทย์ตกแต่งและเสริมสร้าง รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ให้ความเห็นว่า ในกรณีของคุณแจ๊ส ถ้าต้องการแก้จมูกกลับเป็นเหมือนเดิม น่าจะเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าจะทำให้มันดูเข้ารูปกว่าตอนนี้ข้อนี้เป็นไปได้ ซึ่งในตอนนี้ตนแนะนำให้รอให้เนื้อเยื่อทั้งหลายมันเข้าที่เข้าทางก่อน เพราะตัวพังพืด แผลเป็นต่าง ๆ ที่อยู่ในจมูกมันจะยังหดรั้งอยู่ รวมถึงรอภาวะการติดเชื้อในจมูกมันหมดไปด้วย โดยรออย่างต่ำประมาณ 6 เดือน ซึ่งในระหว่างที่รอนี้ตนแนะนำให้ทำการนวด เพื่อให้แผลมันยืดนิ่ม และหลังจากนั้นเราก็จะมาประเมินซ้ำว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีในการแก้ไข