“ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” แม้คว้าชัยสองไฟต์ติดในกติกาคิกบ็อกซิ่ง แต่ยังไม่พอใจผลงานตัวเอง โดยออกมายอมรับในฝีมือของ “โจ ณัฐวุฒิ” ว่าแข็งแกร่งเกินคาด หลังได้ประชันฝีมือ พร้อมตั้งเป้าไม่หยุดพัฒนาตัวเองในรูปแบบคิกบ็อกซิ่ง
“ตะวันฉาย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) วัย 24 ปี ได้โอกาสลุยกติกาคิกบ็อกซิ่งเป็นไฟต์ที่สอง และก็ไม่ทำให้เหล่าแฟนคลับผิดหวัง หลังอาศัยชั้นเชิงและจังหวะออกอาวุธที่เหนือกว่า เอาชนะคะแนน “โจ ณัฐวุฒิ” จอมเก๋ามากประสบการณ์ วัย 34 ปี ไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ ในศึก ONE Fight Night 15 เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
โดยถือเป็นการคว้าชัยเป็นครั้งที่สองติดต่อกันในกติกาคิกบ็อกซิ่งของ “ตะวันฉาย” บนสังเวียน ONE หลังจากครั้งที่แล้วเจ้าตัวจัดการเดินหน้าหวดแข้งจน “ดาวิต คิเรีย” ยอดฝีมือชาวจอร์เจีย จนแขนหักขอยอมแพ้เมื่อ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยการชกในครั้งนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับ “โจ ณัฐวุฒิ” ผู้ช่ำชองในศาสตร์การชกแบบคิกบ็อกซิ่งและผ่านเวทีดังมาแล้วทั่วโลก
แม้ “โจ ณัฐวุฒิ” จะมีชั่วโมงบินสูงกว่าในกติกานี้ แต่ยังถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นรอง “ตะวันฉาย” ในเรื่องของความสดของร่างกาย จึงทำให้ไฟต์นี้บรรดาแฟนกีฬาต่อสู้ต่างคาดการณ์กันว่าเป็นงานง่ายของนักชกหน้าหล่อขวัญใจมหาชนที่จะกินนิ่มนักชกรุ่นพี่
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ขึ้นประชันฝีมือกันบนเวทีกลับกลายเป็นว่า “โจ” นั้นทำได้ดีสมศักดิ์ศรีนักชกระดับโลก จนภายหลัง “ตะวันฉาย” ได้ออกมายอมรับว่าคู่ชกของเขาในไฟต์นี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่คิดเอาไว้ซึ่งแตกต่างจากไฟต์แรกอย่างสิ้นเชิง
“ก่อนชกผมประเมินไว้แล้วว่าไฟต์นี้ไม่ง่ายครับ และพอมาสู้กันจริง ๆ พี่โจ แข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้เยอะเลย ขึ้นยกแรกก็สัมผัสได้เลยว่าครั้งนี้เหนื่อยแน่ ๆ ที่สำคัญพี่เขามีประสบการณ์ในด้านคิกบ็อกซิ่งมากกว่าผมหลายเท่าตัวเลยครับ”
“ไฟต์นี้ผมถึงพยายามไม่ออกอาวุธพร่ำเพรื่อ เพราะพี่เขาก็รอดึงจังหวะสวนมาเหมือนกัน เลยนาน ๆ ออกที แต่ขอแม่น ๆ เน้น ๆ และต้องอ่านเกมให้ขาดตลอดเวลาด้วยครับ”
สำหรับไฟต์นี้ถือว่าเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าอีกหนึ่งไฟต์ของ “ตะวันฉาย” ในรูปแบบคิกบ็อกซิ่งที่จะได้ทำการเรียนรู้ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าการชกในรูปแบบนี้ยังเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเขา และก็พร้อมที่จะพัฒนาฝีมือตัวเองแม้จะไม่ใช่งานง่ายเหมือนการชกมวยไทยก็ตาม
“คิกบ็อกซิ่งยังถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผมครับ ยังไม่คุ้นชินกับมันเท่าไหร่ ประสบการณ์ผมแทบไม่มีเลยครับ หลังจากนี้ก็ต้องเสริมความแข็งแกร่งและประสบการณ์อีกเยอะ อีกอย่างผมรู้สึกว่าการออกอาวุธมันยังติด ๆ ขัด ๆ ไม่พลิ้วเหมือนตอนชกมวยไทย ก็ต้องใช้เวลาพัฒนากันต่อไปครับ”
สำหรับครั้งต่อไปศึก ONE Fight Night 16 ในวันเสาร์ที่ 4 พ.ย.นี้ สาวกกีฬาการต่อสู้จะได้พบกับการเผชิญหน้ากันของสองราชันต่างสายในรุ่นแบนตัมเวต ระหว่าง “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” ราชันมวยไทย เผชิญหน้ากับ “ฟาบริซิโอ อานดราเด” เจ้าบัลลังก์ MMA โดยมีตำแหน่งแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ที่ว่างเป็นเดิมพัน
แฟน ๆ สามารถจองบัตรเข้าชมศึก ONE Fight Night 16 ในสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)ได้ทาง
THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารอัปเดตของศึกนี้ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ ONEFC.com และอินสตาแกรม ONEChampTh