สาวใหญ่สุดช้ำ ถูกแฟนหนุ่ม ทำร้ายไล่กระทืบสาหัส เหตุเพราะ ไม่รับสายโทรศัพท์ ทำเอาต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดใหญ่ ซ้ำยังลักรถหนี สาวหวั่นความรุนแรงกระทบถึงลูก !
วันที่ 3 ต.ค. 2566 เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนรู้จักแฟนหนุ่มตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันแต่ไม่ได้สนิทอะไรกันเป็นพิเศษ จนตนย้ายออกขากพื้นที่ กระทั่งช่วงเดือน พ.ค. 2566 ได้มาเจอกันในสื่อโซเชียล จากนั้นก็คุยกัน พัฒนาความสัมพันธ์จนคบหากัน ผ่านไป 3 เดือน เขาก็เริ่มออกลาย วันที่ 4 ก.ค. 2566 เขาโทรมาด่าตน เนื่องจากตนไม่รับโทรศัพท์เขา เป็นเรื่องหึงหวง ก่อนจะบุกมาถึงบ้านงัดประตูเข้ามาทุบทำลายข้าวของในบ้าน และมาใช้เหล็กทุบตีตนถึงบนที่นอน โดยที่ไม่ถามอะไรตนเลยสักคำ แล้วยังลากตนออกมาทุบตีต่อนอกห้องนอน และยังมีครั้งที่ 2 ช่วงเดือน ส.ค. 2566 ก็ถูกทำร้ายร่างกายอีกครั้ง
ถัดมาอีก 1 สัปดาห์ ตนก็รู้สึกปวดหัวมาก คลื่นไส้ อาเจียน ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งหนักถึงขั้นแพทย์ให้เข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่ศีรษะ เพราะมีเลือดคั่งในสมอง โดยในช่วงระหว่างนี้ แฟนหนุ่มได้ทำการไล่ทุบทำลายข้างของที่บ้านอีก พร้อมกับมีการจุดไฟเผาเสื้อผ้า และที่นอนของตน อีกทั้งยังเอารถยนต์ที่บ้านตนกลับไปด้วย ทั้งนี้ตนโดนแฟนหนุ่มข่มขู่แบบนี้จนไม่กล้ากลับไปที่บ้านเลย แม้จะรักษาตัวที่โรงพยาบาลเสร็จแล้วก็ตาม ต้องขอโรงพยาบาลอยู่ต่อเพื่อหลบเลี่ยงแฟนหนุ่ม ขณะเดียวกัน ลูก 2 คน ของตน ตนก็ต้องนำไปฝากไว้ที่ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง เพราะกลัว แฟนหนุ่มกลับมาทำร้ายตนต่อหน้าลูก ทั้งนี้เคยพยายามเลิกกับเขา แต่เขาก็ยังคงวนเวียนแบบนี้อยู่ จึงได้ร้องเรียนไปที่ "กัน จอมพลัง" ขอให้เข้ามาช่วยให้เขาไม่มาระรานตนอีก
ด้าน กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (กัน จอมพลัง) กล่าวว่า เคสนี้ มันมีทั้งการทำร้ายร่างกาย และลักขโมยรถ อีกทั้งยังทำให้เขาเป็นหนี้สิน เพราะตัวแฟนหนุ่มไม่ได้ส่งค่างวดรถเลย ไฟแแนนซ์ก็จ่อจะมายึดรถ ส่วนฝ่ายหญิงเขาถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ก็ไปทำงานหาเงินไม่ได้ ซึ่งในทางคดีตนได้เข้าช่วยเหลือประสานไปยัง รองผู้บังคับการ จ.นครราชสีมา ผู้กำกับ สภ.สูงเนิน ตอนนี้ก็ได้ดำเนินการ การขอหมายจับแล้ว และท่านจะสอบปากคำเพิ่มในเรื่องของการจุดไฟ และการทำลายข้าวของ ถ้ามันเข้าคดีทำให้เสียทรัพย์ ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม
ขณะที่ฝั่งผู้ชาย ตนได้ติดต่อไปคุยแล้ว ได้คุยกับพ่อแม่ของฝั่งผู้ชายถึงที่บ้าน ตนได้บอกให้พ่อแม่ของผู้ก่อเหตุไปคุยกับลูก ให้นำรถมาคืนผู้เสียหาย จะได้ไม่โดนคดีเพิ่ม ซึ่งพ่อแม่เขาดีมาก เขารู้ว่าลูกเขาเป็นอย่างไร เขาเคยมีแฟนก็โดนทำร้ายร่างกายเหมือนกันหมด เขายินดีจะช่วยทุกอย่าง แต่ทว่า เขาก็อยากจะดัดนิสัยลูก อยากให้ลองเข้าไปติดคุกเลย ในขณะที่ตนกำลังคุยกับพ่อแม่ของผู้ก่อเหตุ เจ้าตัวก็พูดคุยกับตนผ่านกล้องวงจรปิด พูดใส่อารมณ์ให้ฟังเหตุผลของเขา แต่พอตนถามว่าแล้วเขามีสิทธิ์อะไรไปทำร้ายร่างกาย และขโมยรถเขาก็เงียบหายไป
ฟาก อ้น (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ เผยว่า ตนยอมรับผิดที่ทำร้ายร่างกายแฟนสาว และยินดีที่จะใช้ชดใช้ทุกอย่าง แม้ออกจากโรงพยาบาลจะไม่ได้กลับไปคบหากันก็ตาม ส่วนเหตุผลที่ทำนั้น เพราะ เขาไม่รับโทรศัพท์ตน โดยตนได้โทรไปหากว่า 100 สาย แล้วเขาไม่รับโทรศัพท์ จึงขับรถจาก จ.ปราจีนบุรี บุกไปถึงที่พักเขา ที่ จ.นครราชสีมา สำหรับเรื่องรถที่ตนเอามา ตนเอามาทำงาน และในวันแรกที่เอามาตนก็โอนเงินไปให้เขาแล้ว 2.5 พันบาท แต่ที่หลังจากนั้นไม่โอน เพราะ คิดว่าเขาไม่อยากเจอตนหรือเปล่า มันแปลก ๆ เลยยังไม่โอน
ขณะเดียวกัน คุณ เอ (นามสมมติ) ตอบกลับว่า อยากให้จบกันด้วยดี อย่ามาจองเวรจองกรรมกัน เพราะ ตนเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก ส่วนการช่วยเหลืออที่ อ้น (นามสมมติ) พูดมา ตนขอปฏิเสธรับการช่วยเหลือ และยืนยันว่าขอเลิกกับ นายอ้น
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ข้อมูลว่า ความผิดของ อ้น (นามสมมติ) ก่อขึ้น มันไม่สามารถยอมความได้หมดเลย อาทิ การบุกรุกในเวลากลางคืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ข้อที่ 2 ทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่น ข้อ 3 ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่น ข้อ 4 ข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ มีโทษจำคุก 7 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 1.4 แสนบาท ต่อด้วยข้อหาการทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 2 แสนบาท และยังมีความผิดฐานลักทรัพย์อีก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท ดังนั้นแนะนำว่าคุณอ้นควรรับสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม