logo ข่าวเย็นประเด็นร้อน

ฝากขังเพิ่ม ! แก๊งตำรวจคนสนิท “บิ๊กโจ๊ก” เอี่ยวเว็บไซต์พนัน พร้อมค้านประกันตัว

ข่าวเย็นประเด็นร้อน : ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบกรณีตำรวจคนสนิท บิ๊กโจ๊ก พัวพันเว็บไซต์พนัน ช่อง7,ช่อง7HD,CH7,CH7HD,7HD,CH7HDNEWS,ข่าว,ข่าว7,ข่าวช่อง7,ข่าววันนี้,ข่าวใหม่,ข่าวล่าสุด,ข่าวสด,ข่าวเด็ด,ข่าวด่วน,ข่าวร้อน,ข่าวไทย,ข่าวออนไลน์,ข่าวโซเชียล,ข่าวสังคม,ข่าวภูมิภาค,ข่าวเศรษฐกิจ,ข่าวการเมือง,ดูทีวีย้อนหลัง,ดูรายการย้อนหลัง,ดูย้อนหลัง,ถกไม่เถียง,ทินถกไม่เถียง,TERODigital,ข่าวเย็นประเด็นร้อน,สวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา,สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์,เปรมสุดา สันติวัฒนา,ฝนฟ้าอากาศ,ทิน โชคกมลกิจ

652 ครั้ง
|
26 ก.ย. 2566
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ ตรวจสอบกรณีตำรวจคนสนิท บิ๊กโจ๊ก พัวพันเว็บไซต์พนัน
 
ฝากขังเพิ่มแก๊ง ตร.คนสนิท บิ๊กโจ๊ก เอี่ยวเว็บไซต์พนัน
 
เป็นคดีที่คนในสังคมให้ความสนใจอย่างมาก ภายหลังตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT พร้อมตำรวจไซเบอร์ ปูพรมตรวจค้น 30 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ทั้งจังหวัดเพชรบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น อุดรธานี และ สระบุรี
 
หนึ่งในเป้าหมายหลัก เป็นการนำหมายค้น เข้าตรวจค้นบ้านพัก 5 หลัง ภายในหมู่บ้านย่านซอยวิภาวดี 60 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยเมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) บิ๊กโจ๊ก มีการพูดเปิดใจอย่างดุเดือดว่า เป็นเรื่องการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
 
ล่าสุดเช้าวันนี้ (26 ก.ย.) พนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 คุมตัวผู้ต้องหาในคดี 14 คน แบ่งเป็นพลเรือน 8 คน และตำรวจ 6 นาย ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน เปิดบัญชีม้า และจัดให้มีการเล่นพนัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือหลบหนี
 
โดยระหว่างการควบคุมตัว ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ว่า เครียดหรือไม่ที่ถูกดำเนินคดี แต่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ไม่ได้ตอบคำถาม ทำแค่เพียงยิ้ม และพยักหน้าตอบรับเท่านั้น ขณะที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตอบสั้น ๆ ว่า สบายดีครับ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขัง มีผู้ต้องหา 1 คน ถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาล หลังจากมีอาการเป็นลม เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว จึงถูกนำตัวฝากขังตามขั้นตอน และยังมีผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งเป็นพลเรือน ถูกนำตัวมาสอบปากคำเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
 
เศร้า ! ญาติถูกจับบัญชีม้า พัวพันแก๊ง ตร.
 
ทั้งนี้ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง ญาติของ นางสาวทักษพร หนึ่งในผู้ต้องหา ได้เดินทางมาเยี่ยม พร้อมระบุว่า ไม่รู้ว่า นางสาวทักษพร ไปเกี่ยวข้องในขบวนการบัญชีม้าได้อย่างไร แต่ทราบว่าถูกนำบัญชีไปเปิดบัญชีม้า เมื่อช่วงปลายปี 2565 ก่อนจะถูกปิดเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และถูกจับกุมในที่สุด
 
ศาลให้ประกันตัว 2 ตร. เอี่ยวเว็บไซต์พนัน
 
ขณะที่ พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผู้กำกับการ ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา และ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็น 2 ผู้ต้องหาในคดีนี้ และถูกนำตัวฝากขังตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ โดยทั้งคู่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา เพราะมีถิ่นที่อยู่อาศัย และมีอาชีพเป็นหลักแหล่ง
 
ตร.เร่งหาหลักฐานขอหมายจับเพิ่ม
 
ส่วนเมื่อช่วงเที่ยง พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 สั่งการให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ นำของกลาง ประกอบด้วย ตู้เซฟ ยึดได้จากที่พักนายบัณฑิต และคอมพิวเตอร์ ยึดจากที่พักนางสาวชนม์สิตา 2 ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมในจังหวัดขอนแก่น ไปทำการตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อหาหลักฐาน นำไปสู่การออกหมายจับบุคคลอื่น มีทั้งพลเรือน ตำรวจ และบุคคลใกล้ชิด บิ๊กโจ๊ก
 
นายกฯ เซ็นตั้งกรรมการสอบปม บิ๊กโจ๊ก
 
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีเข้าตรวจค้นบ้านพัก บิ๊กโจ๊ก และเคหสถานอื่นทั่วประเทศ
 
โดยรายชื่อคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย 1. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ 2. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นกรรมการ และ 3. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เป็นกรรมการเเละเลขานุการ
 
เศรษฐา หนักใจคดีคนใกล้ชิด บิ๊กโจ๊ก เอี่ยวเว็บไซต์พนัน
 
ขณะที่ นายเศรษฐา เปิดเผยถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวว่า เบื้องต้นกำหนดกรอบเวลาสอบสวน ประมาณ 15 วัน เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หนักใจอยู่แล้ว และไม่เกี่ยวกับเรื่องซับซ้อน แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่ และสาธารณชนจับตามองดูอยู่ รวมถึงเป็นเรื่องของความมั่นคงด้วย
 
เมื่อถามว่า จะมีผลโยงใยไปกับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันที่ 27 กันยายนนี้ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกล และต้องดูไปตามข้อกฎหมาย
 
ถามว่าจะถือโอกาสสังคายนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช้คำว่าสังคายนามันแรงไปหน่อย เพราะองค์กรตำรวจเป็นสถาบันที่มีเกียรติ มีปัญหาก็ต้องแก้กันไปจะดีกว่า
 
สั่งตั้งจเรตำรวจสอบคู่ขนาน คดีคนสนิท บิ๊กโจ๊ก
 
ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรรมการที่นายกรัฐมนตรีมีการแต่งตั้ง จะรายงานผลภายใน 30 วัน แต่กรณีมีความจำเป็น นายกรัฐมนตรี อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีก คณะกรรมการรายงานความคืบหน้าต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะทุก 10 วัน แต่เนื่องจากคดีนี้ เกี่ยวข้องกับตำรวจ จึงมีคำสั่งให้ให้จเรตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วย
 
“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้าชน ! ถูกค้นบ้าน-หมายจับลูกน้องไม่ชอบธรรม
 
ส่วนความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กโจ๊ก” ได้เดินทางไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาไต่สวน เรื่องการละเมิดอำนาจศาล กรณีการออกหมายค้นบ้านเมื่อวานนี้ โดย “บิ๊กโจ๊ก” มองว่า เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะรู้อยู่แล้วว่า เป็นบ้านที่ตนเองพักอาศัยอยู่ แต่ผู้ที่ไปขอหมาย ไม่ได้บอกศาล แม้ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ของบ้านจะเป็นคนอื่น แต่ก็เป็นญาติตนเอง 
 
ขณะที่เหตุผลว่า เป็นการขอหมายค้นบ้าน เพื่อจับกุม “สารวัตรนนท์” นายตำรวจติดตามของตนเอง ดูฟังไม่ขึ้น เพราะหากศาลรู้ว่า เป็นบ้านของตนเอง ศาลก็จะให้ความเป็นธรรม เพราะตนเองยังไม่มีคดีความ 
 
นอกจากนี้ลูกน้องที่ถูกออกหมายจับ เตรียมจะยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาล ว่าการออกหมายจับ เป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะการขอหมายจับ ไม่ได้ระบุยศตำรวจ ใส่เพียงคำนำหน้าชื่อเป็น “นาย” ทำให้ศาลไม่ทราบ 
 
จี้สังคายนาองค์กรตำรวจ
 
ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แสดงความเห็นบางช่วงว่า การสังคายนาตำรวจ มีความจำเป็นมาก ๆ ไม่ใช่แค่เพราะมีตำรวจเกี่ยวโยงกับเว็บพนันในครั้งนี้ แต่ยังรวมไปอีกหลายกรณี ที่ตำรวจไปเกี่ยวโยงกับธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะตู้ห่าว กำนันนก และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
จึงขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี ให้เร่งปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง และในอนาคตเมื่อมีการเลือก ผบ.ตร.อีกครั้ง ก็ควรใช้วิธีดังต่อไปนี้ 
 
1.รอง ผบ.ตร.ที่ประสงค์จะเป็น ผบ.ตร.ให้ยื่นความจำนงต่อกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้น พร้อม Porfolio ผลงานต่างๆ 
2.แสดงวิสัยทัศน์สาธารณะ ให้ประชาชนได้เห็น 
3.ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ให้พี่น้องตำรวจสามารถลงทะเบียนเพื่อโหวตเลือก ผบ.ตร.ได้ เพื่อให้นายกฯ ทราบว่า ตำรวจส่วนใหญ่อยากให้ใครเป็น ผบ.ตร.
 
เตรียมเรียกสอบ “เสี่ยแต๋ม” เจ้าของบ้าน 5 หลัง “บิ๊กโจ๊ก” อยู่อาศัย  
 
“พล.ต.ท.ไตรรงค์” เพิ่งทราบว่า “บิ๊กโจ๊ก” เช่าบ้านเดือนละ 50,000 บาท ทั้งที่เมื่อวานบอกเพียงเป็นบ้านญาติ พร้อมกับเตรียมเรียกสอบ “เสี่ยแต๋ม” และภรรยามาสอบ หลังพบเป็นผู้ครอบครองบ้าน พร้อมยืนยันการตรวจค้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย
 
เตรียมเรียกสอบ “เสี่ยแต๋ม” เจ้าของบ้าน 5 หลัง “บิ๊กโจ๊ก” อยู่อาศัย   
 
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT กล่าวภายหลังมีข่าวว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บํญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทนาย ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อเอาผิดตำรวจชุดตรวจค้นบ้านพักย่านวิภาวดี 60 เป็นการค้นโดยมิชอบ ว่า การตรวจค้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย ตั้งแต่การขอหมายค้นและหมายจับจากศาล มีการระบุตัวตนของบุคคลตามหมายจับ รวมถึงอาชีพ ไม่ได้ปิดบังว่าเป็นตำรวจในการแถลงต่อศาล อีกทั้งกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องระบุยศ สามารถใช้คำนำหน้านายได้ 
 
แต่ก็ยืนยันว่า มีเหตุให้เข้าค้นบ้านพัก เพราะพันตำรวจตรีชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับเป็นคนที่เข้าออกภายในบ้านทั้ง 5 หลังนี้ มีชื่อผู้ต้องหาลงทะเบียนรับส่งพัสดุเป็นประจำ และมีการชำระค่าสาธารณูปโภคซึ่งเป็นเงินจากบัญชีม้า โดยไม่ทราบว่าพันตำรวจตรีชานนท์ เป็นนายตำรวจติดตามของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์  และไม่ทราบมาก่อนว่า พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่ตรวจค้น เพราะหมู่บ้านดังกล่าว มีการรักษาความปลอดภัยแบบระบบปิด ตำรวจจึงไม่ทราบว่ามีใครพักอยู่ภายในบ้านพักบ้าง
 
ส่วนตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกจับ จะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น ขอให้เป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา แต่ต้นสังกัดของตำรวจแต่ละนายทราบเรื่องแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตำรวจทั้ง 8 นายยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน โดยการขยายผลของผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ เตรียมพิจารณาดำเนินคดีและออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลในพยานกับผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับผลประโยชน์และกลุ่มที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า 2 บัญชี เงินหมุนเวียน 260 ล้านบาท พร้อมยืนยันตามข่าวที่ออกมาว่าในกลุ่มองค์กรสื่อมวลชนและบุคคลร่วมอยู่ในกลุ่มรับผลประโยชน์ด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวน ดังนั้นจึงขอให้บุคคลที่รู้ว่าตนเองมีธุรกรรมการเงินเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าเหล่านี้ ให้มาแสดงตัวเข้าให้ปากคำกับตำรวจ
 
ส่วนกรณี “เสี่ยแต๋ม” นักธุรกิจขนส่งรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีและภรรยา ที่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านที่เข้าตรวจค้นทั้ง 5 หลัง และเป็นผู้จ่ายค่าส่วนกลางปีที่ผ่านมา เป็นเงิน 142,000 บาท และเป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าให้กับบ้านทั้ง 5 หลัง หลังพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยอมรับว่าเช่าบ้านเฮียแต๋มอยู่ เดือนละ 50,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นญาติกัน พลตำรวจโทไตรรงค์ กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องจากสื่อมวลชน แต่เมื่อวานนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นบ้านญาติ ไม่ได้มีการเช่า หลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบว่าเฮียแต๋มมีความสัมพันธ์เครือญาติด้านไหนของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หากมีการเช่าจริงก็ต้องมีสัญญาตามกฎหมาย โดยจะต้องเรียกเฮียแต๋ม มาให้ปากคำเร็วๆ นี้
 
ส่วนเส้นทางการเงินจะเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะอยู่ในสำนวน แต่ยืนยันว่าการที่ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิด ไม่ได้เป็นเหตุให้ต้องออกหมายเรียกผู้บังคับบัญชาของบุคคลนั้นมาสอบปากคำ แต่จะต้องมีพยานหลักฐานส่วนอื่นประกอบด้วย
 
นอกจากนี้พลตำรวจโทไตรรงค์ ยังเปิดเผยว่า ในแนวทางการสืบสวน ผู้ต้องหา 4 กลุ่ม ที่จับกุมได้นั้น ในกลุ่มผู้บริหารจัดการเว็บไซต์นั้น ประกอบด้วยตำรวจ 1 คน และพลเรือน 2 คน ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่เป็นทหารนั้น เป็นพลทหารประจำการเกี่ยวข้องในส่วนของกลุ่มฟอกเงินและบัญชีม้า ขณะที่ภาพรวมการยึดทรัพย์สินของกลางยึดได้ อาทิ รถยนต์หรู เครื่องเพชร ทองคำ พระเครื่อง รวมมูลค่ากว่า 143 ล้านแล้ว
 
ทั้งนี้ พลตำรวจโทไตรรงค์ ยืนยันว่าคดีนี้ไม่ได้ทำตามกระแส หรือเป็นผลจากการเมือง แต่สืบสวนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน พบพยานหลักฐานสำคัญ จนสามารถขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ถึง 23 หมายจับ จึงต้องรีบดำเนินการ มิฉะนั้นหากปล่อยไว้ผู้ต้องหาอาจเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหรือหลักฐานสำคัญจนเสียรูปคดี โดยเฉพาะกลุ่มบัญชีม้าและกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ที่ตามกฎหมายต้องยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ หากพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด ทรัพย์ดังกล่าวก็ต้องตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมขอความเป็นธรรมให้กับชุดจับกุม ไม่ได้ทำงานเพื่อกลั่นแกล้งใคร
 
แย้ม นักกฎหมาย-นักข่าว เอี่ยวแก๊ง ตร.พัวพันเว็บไซต์พนัน
 
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า ตนเองในฐานะคู่กรณี บิ๊กโจ๊ก เพราะถูกฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขอตอบโต้คำสัมภาษณ์ของ บิ๊กโจ๊ก ที่อ้างว่า บ้านทั้ง 5 หลัง เป็นบ้านของญาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเป็นบ้านของ เสี่ยแต๋ม อุดรฯ และภรรยา
 
ส่วนประเด็นที่ บิ๊กโจ๊ก อ้างว่าเป็นคนเอาเงินให้ลูกน้องจ่ายค่าไฟฟ้าเอง ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เพราะมีการใช้บัญชีม้า ชื่อ นายครรชิต มีประวัติต้องโทษคดียาเสพติด 5 คดี และยังเป็นเครือข่ายนางสาวมินนี่ เป็นบัญชีที่จ่ายค่าไฟฟ้า
 
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่ชี้ว่า พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย ผู้กำกับการ ตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดจันทบุรี มีการซื้อพระเครื่อง โดยการประมูลพระองค์เดียว มูลค่าถึง 19 ล้านบาท จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า นำเงินมาจากไหนมาประมูล และมีการเอาเงินผ่านบัญชีของบุคคลที่ชื่อ นายต้น ซึ่งเป็นหนึ่งในพยานคดีผู้การเป้ 140 ล้านบาท ตรงนี้มีการนำเงินไปวื้อพระเครื่อง เพื่อฟอกเงินหรือไม่
 
โดยช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) จะยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินของ บิ๊กโจ๊ก หลังกล่าวอ้างว่าบ้านทั้ง 5 หลัง เป็นของตนเองหรือของญาติ และหลังจากนี้จะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 - 3 ชุด มีทั้งนักข่าว นักกฏหมาย และตำรวจ นอกจากนี้ยังให้ตำรวจเชิญผู้จัดการนักแสดงชื่อดัง มาร่วมสอบปากคำด้วย เพราะมีภาพปรากฎตัวอยู่ในงานเลี้ยง ในวันเดียวกับที่ บิ๊กโจ๊ก ร้องเพลงคู่ นางสาวมินนี่
 
ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-17.30 น. ทางช่อง 7HD กด 35
 
 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง